วันนี้ (5 ม.ค.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แผนการจัดหาวัคซีนต้าน COVID-19 ของรัฐบาล ได้รับการพิจารณาและเห็นชอบจาก ครม.แล้ว โดยนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า วัคซีนล็อตแรก 2 ล้านโดส งบประมาณจัดซื้อ 1,228 ล้านบาท เป็นวัคซีนจากบริษัท ซิโนแวค ไบโอเทค ของจีน แต่จะต้องรอการรับรอง อย.ของจีนก่อนถึงจะจัดส่งให้ไทยได้
ขณะเดียวกันองค์การเภสัชกรรมไทยจะนำเข้าและรับรองโดย อย. ก่อนส่งต่อให้กรมควบคุมโรคกระจายตามแผนที่วางไว้ ซึ่งในเดือน ก.พ.นี้ วัคซีน 200,000 โดสแรก จะฉีดให้กับกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เจ้าหน้าที่ภาคสนามที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด เช่น จ.สมุทสาคร ระยอง และชลบุรี ประมาณ 20,000 คน และกลุ่มเสี่ยงอื่นๆ อีก 180,000 คน
จากนั้นเดือน มี.ค. วัคซีนจะถูกจัดส่งเข้ามาอีก 800,000 โดส โดยจะเป็นวัคซีนเข็มที่ 2 ที่จะฉีดให้กลุ่มเดิม 200,000 โดส ส่วนอีก 600,000 โดสจะฉีดให้กลุ่มที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมชายแดนภาคตะวันตก ภาคใต้ และกลุ่มที่มีความจำเป็นอื่น
ส่วนในเดือน เม.ย.จะได้รับการการจัดส่งมาอีก 1 ล้านโดส ครั้งนี้จะฉีดเป็นเข็มที่ 2 ให้กลุ่มที่ได้รับวีคซีน 800,000 โดสแรก เพื่อให้ครบ 2 โดสในกลุ่มเสี่ยงเดิม
และนับแต่เดือน พ.ค. วัคซีนที่ไทยจะได้รับ 26 ล้านโดสนี้จะเป็นของบริษัท แอสตราซิเนกา จากอังกฤษ ซึ่ง ครม.ยังไม่ได้กำหนดรูปแบบการแจกจ่ายวัคซีนนี้ แต่นายกรัฐมนตรียืนยันแล้วว่า คนไทยไม่ต่ำกว่า 60 ล้านคนจะได้รับวัคซีนนี้ พร้อมระบุถึงการพิจารณาอนุมัติงบประมาณจัดซื้อเพิ่มเติมอีก 35 ล้านโดส ซึ่งสรุปแล้วในปี 2564 ไทยจะมีวัคซีนนำเข้ารวม 63 ล้านโดส
ขณะที่สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า บริษัท ซิโน ไบโอ ฟาร์มาซูทิเคิล ลิมิเตด ซึ่งเป็นธุรกิจเวชภัณฑ์ของบริษัทซีพี กรุ๊ป ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง ได้ร่วมลงทุน 515 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 15,000 ล้านบาท และเข้าเป็นผู้ถือหุ้น 15% ของบริษัทซิโนแวคฯ ซึ่งเป็นหน่วยผลิตวัคซีน นอกจากนั้นยังมีกองทุนของจีนและสหรัฐอเมริกา ร่วมทุนอยู่ด้วยบริษัทละ 6.3%