วันนี้ (17 มิ.ย.2564) นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ตั้งคำถามถึงกรณีที่พรรครัฐบาล เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญปิดสวิตช์ ส.ว. ตรงกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยระบุว่า ส.ว.ทำผิดอะไรจึงจะปิดสวิตช์อำนาจเลือกนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ เพราะตามบทเฉพาะการของรัฐธรรมนูญก็ผ่านความเห็นชอบมาจากประชาชนในการจัดทำประชามติ เท่าที่ทราบมีประเด็นที่เรียกร้อง 2 ประเด็น คือ การยุบวุฒิสภาเหลือสภาเดียว และยกเลิกอำนาจ ส.ว.โหวตนายกรัฐมนตรี
นายสมชาย ระบุว่า ประเทศไทยยังเหมาะที่จะอยู่ในระบบ 2 สภา เช่นเดียวกับประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกา แต่ที่มาของ ส.ว.จะเป็นแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมที่จะแก้ไขต่อไป แต่หากจะให้ยุบเหลือสภาเดียวคงเป็นไปไม่ได้ เพราะจำเป็นต้องมีการตรวจสอบถ่วงดุลและเชื่อว่าสังคมไทยเองก็ยังไม่พร้อม
นายสมชาย ยืนยันว่า เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่ให้มีอำนาจ ส.ว.โหวตนายกรัฐมนตรี ในช่วง 5 ปีแรก ซึ่งเป็นในช่วงเปลี่ยนผ่านจากยุค ค.ส.ช.ไปสู่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ ส.ว.ไม่ได้มีสิทธิเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี มีสิทธิเพียงร่วมโหวตเท่านั้น ดังนั้นถ้าสภาผู้แทนราษฎรโหวตเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรี ส.ว.ก็เพียงเห็นชอบตาม
วันนี้ไม่จำเป็นต้องปิดสวิตช์ ส.ว.เพราะถ้ามีการยุบสภาขึ้นมา และมีการเลือกตั้งใหม่ หาก ส.ส.ลงเสียงมากพอที่จะโหวตใครเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ส.ว. ก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร
นายสมชาย ยังระบุอีกว่า เมื่อดูร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราที่มีการเสนอไม่มั่นใจว่าทำเพื่อประโยชน์ประชาชนหรือเพื่อประโยชน์ฝ่ายการเมือง เพราะเสนอแก้เพียง 3 ประเด็น คือเรื่องบัตรเลือกตั้ง ปิดสวิตช์ ส.ว. และเรื่องงบประมาณ ส่วนตัวไม่มีปัญหาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพราะได้เสนอมาตลอดว่า ให้มีการแก้ไขรายมาตรา ซึ่งหากรับหลักการแล้วก็คงไปพิจารณารายละเอียดในชั้นแปรญัตติอีกครั้ง
ทั้งนี้ ในวันพรุ่งนี้วิป ส.ว.จะหารือกันเพื่อวางกรอบในการอภิปรายและสัดส่วนในการตั้งกรรมาธิการ พร้อมจัดเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ให้กับสมาชิก ยืนยันให้อิสระในการโหวตกับ ส.ว.ทุกคน ส่วนจะโหวตเฉพาะร่างของพรรคพลังประชารัฐที่ไม่มีเรื่องปิดสวิตช์ ส.ว.หรือไม่นั้น ยังตอบไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาก็เคยโหวตให้ร่างฯ ของฝ่ายค้านมาแล้ว แต่เชื่อว่าไม่มีใครเห็นด้วยกับการยุบ ส.ว.ทั้งหมด