วันนี้ (11 มี.ค.2565) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กรรมาธิการกิจการภายใน ของสหภาพยุโรปหรืออียู ระบุว่า ขณะนี้ มีผู้อพยพจากยูเครนเดินทางเข้ามาไปในประเทศสมาชิกอียู แล้วมากกว่า 2 ล้านคน และหากมีการโจมตีมากขึ้น จะมีผู้อพยพออกนอกประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ


ซึ่งหากการเปรียบเทียบการรับมือกับคลื่นผู้อพยพของสมาชิกอียูครั้งนี้ กับเหตุการณ์เมื่อปี 2558 จะพบว่า ครั้งนี้สมาชิกทั้ง 27 ประเทศ ต่างให้ความช่วยเหลือผู้อพยพ แตกต่างไปจากปี 2558 ที่มีบางประเทศวางกฎเข้มงวด เพื่อไม่ยอมให้ผู้อพยพเข้าประเทศ


ขณะที่ ล่าสุด ประเทศสมาชิกอียู ผ่อนคลายกฎเกณฑ์ให้ผู้อพยพจากยูเครนเข้าถึงงาน โรงเรียน บริการด้านสุขภาพ รวมถึงสวัสดิการได้ง่ายขึ้น


โดยโปแลนด์รับผู้อพยพยูเครนไปแล้ว ประมาณ 1,430,000 คน ส่วนโรมาเนีย มีผู้อพยพ 350,000 คน และอีกกว่า 150,000 คน อพยพไปยังสโลวาเกียและฮังการี
"ผู้ป่วยเด็กยูเครน" ลี้ภัย "โปแลนด์"
เด็กที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรังและมะเร็ง 20 คน พร้อมกับสมาชิกครอบครัวอีก 50 คน อพยพข้ามพรมแดน จากเมืองคาร์คีฟของยูเครน มายังโปแลนด์ เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง


โดยรถไฟที่ใช้เดินทางในครั้งนี้ มีตู้พิเศษที่ติดตั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์ และมีเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการฝึกอบรมทางการแพทย์ร่วมเดินทางไปด้วย


ขณะที่ชาวยูเครนในเมืองเออร์ปิน ยังคงทยอยอพยพออกจากเมือง แต่การเดินทางเป็นไปอย่างทุลักทุเล และต้องเดินเท้าข้ามลำธาร เนื่องจาก ทหารยูเครนได้ระเบิดทำลายสะพาน เพื่อชะลอการบุกเข้าเมืองของทหารรัสเซีย
ที่มา : Reuters
แท็กที่เกี่ยวข้อง: