วันนี้ (15 มี.ค.2565) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า โครงการอาหารโลก หน่วยงานในสังกัดองค์การสหประชาชาติที่ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม แสดงความกังวลเกี่ยวกับความช่วยเหลือด้านอาหารต่อประเทศยากไร้ ทั้งในแอฟริกา หรือประเทศที่เผชิญความขัดแย้งอย่างเยเมน ว่าจะได้รับผลกระทบจากสงครามในยูเครน
ประมาณครึ่งหนึ่งของพืชพรรณธัญญาหารที่โครงการอาหารโลกจัดซื้อเพื่อดูแลปากท้องของผู้ที่ยากไร้ จำนวน 125 ล้านคน มาจากผลผลิตของยูเครน
ยูเครนเป็นประเทศเกษตรกรรม ร้อยละ 70 ของประเทศเป็นพื้นที่การเกษตร รวมถึงยังเป็นผู้ส่งออกข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต ข้าวฟ่าง อันดับต้นของโลก ขณะที่รัสเซียก็เป็นผู้ส่งออกทั้งข้าวโพด ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ที่สำคัญคือน้ำมันจากดอกทานตะวัน
ยูเครน-รัสเซีย ผลิตข้าวสาลีคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30 ของทั้งโลก เช่นเดียวกับข้าวโพด ร้อยละ 20 และน้ำมันเมล็ดทานตะวันถึงร้อยละ 80 ดังนั้นผลกระทบหนักแน่นอน

ในยูเครน เมื่อถูกโจมตี เกษตรกรก็ต้องอพยพออกจากพื้นที่ ไม่สามารถทำการเพาะปลูกต่อได้ หรือบางพื้นที่ที่ใช้เพาะปลูกก็ได้รับความเสียหาย ซึ่งผลกระทบที่เมื่อเกิดสงครามคือ ข้าวยากหมากแพง อาหารจะขาดแคลน
เพราะฉะนั้นภายในประเทศที่มีสงคราม ก็จะต้องกักตุนอาหารและสินค้าเอาไว้ เพื่อให้เพียงพอสำหรับคนในประเทศตัวเองก่อน เพราะฉะนั้นสัดส่วนที่แบ่งไปให้การส่งออกก็จะน้อยลง ซึ่งจะกระทบต่อการสนับสนุนจัดหาอาหารให้ประเทศที่ยากไร้ของโครงการอาหารโลกด้วย
ทั้งนี้ สิ่งที่ตามมา คือ ประเทศที่เคยนำเข้าอาหารและธัญพืชต่าง ๆ จากยูเครนก็เริ่มขาดแคลนตาม ทั้งอียิปต์ ตุรกี บังกลาเทศ และอิหร่าน ประเทศกลุ่มนี้นำเข้าอาหารและธัญพืชจากยูเครนและรัสเซียกว่าร้อยละ 60 เพราะฉะนั้นสงครามที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ได้สร้างผลกระทบไปทั้งโลก ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม
ที่มา : AP
แท็กที่เกี่ยวข้อง: