จากกรณีเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง นำกำลังเข้าตรวจสอบร้านอาหารแห่งหนึ่งในซอยสุขุมวิท 7 เขตวัฒนา เมื่อคืนที่ผ่านมา (15 มี.ค.2565) หลังได้รับแจ้งจากองค์กร Operation Underground Railroad (O.U.R.) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในสหรัฐอเมริกา ว่า มีการค้าประเวณีหญิงสาวอายุต่ำกว่า 18 ปี จนสามารถช่วยเหลือหญิงสาวที่มีอายุระหว่าง 14-15 ปี ได้ 3 คน เบื้องต้นดำเนินคดีเจ้าของร้าน ในความผิดฐานค้ามนุษย์, เปิดสถานบริการโดยไม่ได้อนญาต, ส่งเสริมให้เด็กประพฤติไม่สมควร และเป็นธุระจัดหาค้าประเวณี

วันนี้ (16 มี.ค.2565) พล.ต.ต.โสภณสารพัฒน์ ผบก.น.5 มีคำสั่งย้ายตำรวจ สน.ลุมพินี 4 นาย ตั้งแต่ระดับผู้กำกับการ, รองผู้กำกับการป้องกันและปราบปราม, สารวัตรสืบสวน, สารวัตรป้องกันและปราบปราม ให้ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 โดยให้ขาดจากต้นสังกัดเดิม
ขณะที่นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล มองว่า คดีค้าประเวณีไม่ควรเอาผิดเฉพาะผู้จัดหา หรือผู้ขายบริการ แต่ควรเอาผิดผู้ซื้อบริการด้วย เพื่อตัดตอน เมื่อไม่มีการซื้อแล้วการขายก็ทำได้ยาก รวมถึงต้องเปลี่ยนวิธีคิดผู้ชาย ลบล้างค่านิยมการใช้บริการทางเพศเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเอง โดยรัฐต้องทำให้เกิดความเท่าเทียม ทั้งเรื่องการศึกษาและอาชีพ

สอดคล้องกับตัวแทนมูลนิธิเพื่อนหญิง มองว่า กฎหมายค้าประเวณีไม่ควรมุ่งเอาผิดคนนำพาอย่างเดียว แต่ต้องเอาผิดทั้งกระบวนการ รวมถึงผู้ซื้อบริการและสาวให้ลึกถึงผู้อยู่เบื้องหลัง รวมทั้งนายหน้าที่แท้จริง
