ศาลพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต "อดีต ผกก.โจ้" คดีคลุมถุงดำ

อาชญากรรม
8 มิ.ย. 65
12:22
2,126
Logo Thai PBS
ศาลพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต "อดีต ผกก.โจ้" คดีคลุมถุงดำ
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาประหารชีวิต "อดีต ผกก.โจ้" พร้อมพวกรวม 6 คน แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต คดีคลุมถุงดำผู้ต้องหาจนเสียชีวิต

วันนี้ (8 มิ.ย.2565) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาประหารชีวิต แต่ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต พ.ต.อ.ฐิติสรรค์ อุทธนพล หรือ "อดีตผู้กำกับโจ้" และพวกรวม 6 คน ส่วน ด.ต.ศุภากร พิพากษาจำคุก 5 ปี 4 เดือน คดีใช้ถุงคลุมศีรษะนายจิระพงศ์ ธนะพัฒน์ หรือมาวิน ผู้ต้องหาคดียาเสพติด เสียชีวิต ที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ เมื่อช่วงเดือน ส.ค.2564

ศาลพิจารณาพิเคราะห์ ว่า อดีต ผกก.โจ้ หรือจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 3 4 5 และ 7 มีเหตุบรรเทาโทษจากการช่วยเหลือเยียวยา อีกทั้งจำเลยให้การเป็นประโยชน์ ประกอบกับหลังเกิดเหตุจำเลยได้นำผู้เสียชีวิตขณะหมดสติ ส่งโรงพยาบาลให้แพทย์ทำการกู้ชีพ รวมทั้งช่วยค่าปลงศพจำนวน 30,000 บาท และมีการร่วมกันวางเงินเยียวต่อศาลให้กับพ่อและแม่ผู้เสียชีวิต คนละ 300,000 บาท เป็นเหตุลดโทษให้จำเลยคนละ 1 ใน 3 ดังนั้นจำเลยที่ได้รับโทษประหาร เหลือเพียงรับโทษตลอดชีวิต

ส่วนจำเลยที่ 6 ศาลพิพากษาจำคุก 8 ปี แต่ศาลพิจารณาโทษลดเหลือ 5 ปี 4 เดือน เนื่องจากไม่ผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นฯ และพบข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏภาพจำเลยเข้ามาพบผู้เสียชีวิต ขณะถูกคลุมถุงดำ มีสีหน้าตกใจและไม่ได้อยู่ร่วมช่วงที่จำเลยคนอื่นใช้ถุงดำคลุมหัว

ส่วนที่มีการยื่นคำร้องขอให้ผู้กระทำความผิดชดใช้ให้จำเลย ค่าเสียหายทางแพ่ง จำนวน 1,500,000 บาท ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้เสียหายสามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากหน่วยงานของเจ้าหน้าที่รัฐ หรือต้นสังกัดได้ โดยไม่สามารถเรียกร้องกับผู้กระทำความผิดได้โดยตรง

สำหรับอดีตผู้กำกับการโจ้ และพวกรวม 7 คน ตกเป็นจำเลยในความผิดข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย และข้อหาอื่น ๆ รวม 4 ข้อหา โดยอดีตผู้กำกับการโจ้ ปฏิเสธข้อหา ร่วมกันฆ่าฯ และรับสารภาพ 3 ข้อหา ส่วนจำเลยที่เหลือ 6 คน รับสารภาพและปฏิเสธตามข้อกล่าวหาแตกต่างกันไป

"พ่อมาวิน" หารือทนายเรียกร้องเยียวยาทางแพ่ง

ขณะที่ ร.ต.จักรกฤษณ์ กลั่นดี พ่อของนายจิระพงศ์ เปิดเผยหลังรับทราบผลคำพิพากษา ว่า พอใจกับผลการพิจารณา เพราะศาลอ่านพฤติการณ์ได้ละเอียด ซึ่งจำเลยได้รับผลกับสิ่งที่ทำ อาจไม่ขอต่อสู้ทางคดีแล้ว ส่วนจำเลยจะต่อสู้อย่างไรก็เป็นสิทธิของจำเลย

ส่วนจะฟ้องร้องขอเงินเยียวยาทางแพ่ง จำนวน 1,500,000 บาทหรือไม่นั้น ขอหารือกับทนายความ และอาจจะต้องเพิ่มจำนวนเงินมากกว่า 1,500,000 บาท เพื่อชดเชยกับความสูญเสียที่ควรจะได้รับ

ขณะที่ทนายความฝ่ายจำเลย เปิดเผยว่า หลังรับฟังคำพิพากษาของศาล เชื่อว่า ยังมีช่องทางที่สามารถต่อสู้คดีได้ โดยเฉพาะห้วงเวลาการเสียชีวิต ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุและก่อนเสียชีวิต จนถึงช่วงเวลาที่นำส่งโรงพยาบาล หลังจากนี้จะรอการคัดคำพิพากษา 30 วัน ก่อนจะยื่นอุทธรณ์ตามขั้นตอน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง