ชายรัสเซียก่อเหตุยิงเจ้าหน้าที่เกณฑ์ทหาร

ต่างประเทศ
27 ก.ย. 65
06:41
783
Logo Thai PBS
ชายรัสเซียก่อเหตุยิงเจ้าหน้าที่เกณฑ์ทหาร
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
เกิดเหตุชายรัสเซียก่อเหตุยิงเจ้าหน้าที่เกณฑ์ทหารในเมืองเล็ก ๆ ใกล้กับเมืองอีร์คุตสก์ แถบไซบีเรียของรัสเซีย ก่อนจะถูกควบคุมตัวไว้ได้ ขณะที่เหตุกราดยิงโรงเรียนในเมืองอีเซฟสค์ ล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 17 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 11 คน

เมื่อวันที่ 26 ก.ย.2565 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า เกิดเหตุกราดยิงโรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองอีเซฟสค์ ทางภาคกลางของรัสเซีย โดยนักเรียนต่างพากันวิ่งหนีออกจากโรงเรียน ท่ามกลางกลุ่มผู้ปกครองที่เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่ออยู่นอกรั้วโรงเรียน

ขณะที่เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือและขนย้ายผู้ได้รับบาดเจ็บออกจากบริเวณโรงเรียน ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกรุงมอสโกไปร่วม 1,000 กิโลเมตร หนึ่งในเด็กนักเรียน เปิดเผยว่า ระหว่างเกิดเหตุต้องพากันหลบอยู่ใต้โต๊ะด้วยความหวาดกลัว

ล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มขึ้นเป็น 17 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 11 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 24 คน เป็นเด็ก 22 คน

 

ขณะที่คณะกรรมการสอบสวนของรัสเซีย เปิดเผยภาพวิดีโอ ที่ระบุว่า เป็นภาพของผู้ก่อเหตุกราดยิงในโรงเรียนดังกล่าว ซึ่งเสียชีวิตหลังยิงตัวเอง โดยบนอกเสื้อสีดำที่เขาสวมใส่มีสัญลักษณ์ Swastika สีแดงอยู่

คณะกรรมการสอบสวนดังกล่าว ระบุว่า ผู้ก่อเหตุเป็นชายวัย 34 ปี ซึ่งเรียนจบจากโรงเรียนแห่งนี้ แต่ไม่ได้เปิดเผยแรงจูงใจในการก่อเหตุ ขณะที่ผู้ว่าการท้องถิ่น ระบุว่า ผู้ก่อเหตุเป็นผู้ป่วยจิตเวช

ส่วนหน่วยรักษาดินแดนรัสเซีย เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุดัดแปลงปืนพกสำหรับป้องกันตัวที่ปกติไม่ได้ใช้กระสุนจริงจำนวน 2 กระบอก ให้กลายเป็นปืนที่ยิงกระสุนจริงได้

นอกจากจากเหตุกราดยิงที่โรงเรียนในเมืองอีเซฟสค์ รัสเซียยังเจอกับอีกเหตุการณ์กราดยิง ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกัน

ชายรัสเซียเปิดฉากยิงเจ้าหน้าที่เกณฑ์ทหาร

ชายชาวรัสเซียบุกเข้าไปเปิดฉากยิงที่สถานที่เกณฑ์ทหาร ในเมืองเล็ก ๆ ใกล้กับเมืองอีร์คุตสก์ แถบไซบีเรียของรัสเซีย โดยวิดีโอที่เผยแพร่ผ่านสื่อสังคมออนไลน์แสดงให้เห็นถึงนาทีที่ชายคนนี้ยิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่ในสถานที่เกณฑ์ทหาร ก่อนจะถูกควบคุมตัวไว้ได้

หัวหน้าเจ้าหน้าที่เกณฑ์ทหารที่สำนักงานนี้ถูกยิง อาการสาหัส ถือเป็นเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นท่ามกลางการคัดค้านการสั่งระดมกำลังพลสำรองของทางการรัสเซียเพื่อไปสู้ศึกในยูเครน

นอกจากเหตุการณ์นี้ ยังมีรายงานชายคนหนึ่งพยายามจุดไฟเผาตัวเองที่ป้ายรถประจำทางในเมืองทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงมอสโก พร้อมตะโกนว่า ไม่อยากไปรบที่ยูเครน ก่อนจะถูกรถพยาบาลนำตัวไป

ขณะที่การประท้วงคัดค้านการระดมกำลังพลยังมีให้เห็น โดยภาพการกระทบกระทั่งกันระหว่างผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่เกิดขึ้นอีกครั้งในดาเกสถาน ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 หลังจากวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ประกาศระดมกำลังพลสำรองตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย. ที่ผ่านมา

โดยเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจับกุมผู้ชุมนุมไปจำนวนหนึ่ง ซึ่งมีรายงานว่าพบการใช้แก๊สน้ำตาเพื่อควบคุมฝูงชนด้วย

นอกจากปัญหาเรื่องการเกณฑ์ทหารที่ไม่เป็นธรรมต่อกลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งถูกเกณฑ์ไปรบในสัดส่วนที่มากกว่า ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ชาวรัสเซียคัดค้านการระดมกำลังพลของผู้นำมากขนาดนี้ คงไม่พ้นสัญชาติญาณการเอาตัวรอด หลังจากเห็นภาพตลอด 7 เดือน รัสเซียไม่ได้ประสบชัยชนะอย่างที่คิด

แถมทุนเดิมชาวรัสเซียก็ไม่ได้มองยูเครนเป็นศัตรูคู่อาฆาตเสียทีเดียว ขณะที่หลายคนมองว่าการต้องระดมกำลังพลครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 แบบนี้ ยิ่งตอกน้ำความล้มเหลวในสมรภูมิ

 

มีรายงานจากหลายพื้นที่ ผ่านสื่อตะวันตก ที่อ้างอิงสื่อท้องถิ่น ว่าการระดมกำลังพลครั้งนี้ มีทั้งการเกณฑ์คนที่อายุมากเกินเกณฑ์ไปร่วมรบ รวมถึงคนที่มีความบกพร่องทางร่างกายก็ถูกเกณฑ์ไปด้วย เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ที่ได้ยินรายงานประปรายเรื่องการเกณฑ์ชายที่ยังศึกษาอยู่ไปรบ ทั้งที่ขัดต่อกฤษฎีกาที่ผู้นำรัสเซียประกาศไว้

โดยหลังจากประกาศระดมกำลังพลสำรองตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย. ที่ผ่านมา วันที่ 24 ก.ย. ปูตินประกาศกฤษฎีกาฉบับใหม่ที่ระบุเฉพาะเจาะจงว่า นักเรียนนักศึกษาไม่ต้องไปรับใช้ชาติในครั้งนี้

รัสเซียยอมรับระดมพลมีความผิดพลาด

ขณะที่ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวจากทางการรัสเซีย ที่ออกมายอมรับว่า การระดมพลมีความผิดพลาดเกิดขึ้น โดย ดิมิทรี เพสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย ระบุว่า มีหลายกรณีที่กฤษฎีกาของประธานาธิบดีถูกละเมิด พร้อมให้คำมั่นว่า สิ่งที่ผิดพลาดไปจะได้รับการแก้ไข

อย่างไรก็ตาม ยังมีภาพการเดินทางออกนอกรัสเซียให้เห็นต่อเนื่อง ภาพมุมสูงจุดนี้มาจากพรมแดนรัสเซีย-จอร์เจีย ที่รถติดยาว 20 กิโลเมตร คาดว่ามีรถจอดรถจุดนี้ 3,000 คัน คาดว่าต้องรอนานถึง 48 ชั่วโมง เพื่อข้ามพรมแดน ซึ่งชาวรัสเซียเข้าจอร์เจียได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่า

 

ขณะนี้ยังไม่มีตัวเลขจากทางการจอร์เจียว่า มีชาวรัสเซียเดินทางเข้าประเทศแล้วเป็นจำนวนเท่าไรตั้งแต่ผู้นำรัสเซียประกาศระดมพล แต่หากดูสถิติตั้งแต่เริ่มสงคราม 24 ก.พ. มีชาวรัสเซียเข้าจอร์เจีย แล้วประมาณ 40,000 คน

ท่ามกลางภาพการเร่งเดินทางออกนอกประเทศของชาวรัสเซียจำนวนมาก ทางการรัสเซียระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีการตัดสินใจใช้มาตรการใด ๆ ที่จะห้ามการเดินทางข้ามพรมแดนออกนอกประเทศ โดยโฆษกรัฐบาลรัสเซีย ระบุว่า ไม่ทราบข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับแผนการปิดพรมแดน

กระแสข่าวเกี่ยวกับการปิดพรมแดนของรัสเซียอาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้คนเร่งเดินทางจนเกิดสถานการณ์ที่ค่อนข้างชุลมุน โดยสื่อที่ถูกทางการรัสเซียแบน 2 เว็บไซต์ Meduza and Novaya Gazeta Europe รายงานว่า ทางการกำลังวางแผนจะห้ามไม่ให้ผู้ชายออกนอกประเทศ โดยอ้างข้อมูลจากเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ผู้นำรัสเซียประณามกราดยิงโรงเรียน ตาย 13 รวมเด็ก 7 คน

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง