วันนี้ (28 ก.ย.2565) เงินบาทอ่อนค่าทะลุ 38 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เหตุผลหลักมาจากสหรัฐฯ ขึ้นดอกเบี้ยเพื่อลดเงินเฟ้อ เงินจึงไหลกลับ ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าและกดดันให้เงินสกุลอื่นๆ รวมถึงบาทไทยอ่อนค่าลง ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เหนือความคาดหมายของนักวิเคราะห์
2 เดือนก่อนหน้านี้ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics รายงานว่า ไทยมีโอกาสเห็นบาทอ่อนทะลุ 38 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในไตรมาส 3 เพราะดอกเบี้ยโลกที่ปรับขึ้น และไทยยังขาดดุลบัญชีเดินสะพัด แต่จะพลิกกลับมาเป็น 34.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ช่วงปลายปี 2565
ธนาคารกสิกรไทย อธิบายให้เห็นภาพว่า การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ทุกๆ ร้อยละ 0.25 จะกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าประมาณ 38 สตางค์ แต่ 38 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ คาดว่าจะเป็นระยะสั้น เนื่องจากปลายปียังมองว่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าในกรอบ 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhwnz7mU2BvYwpv38p3xEhIndgF2.jpg)
ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ประเมินว่า แนวโน้มเงินบาทมีโอกาสแตะ 40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เหตุผลสำคัญอย่างหนึ่งคือ การเร่งขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยไทยกับสหรัฐฯ ที่กว้างขึ้น
สำหรับธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ แบงก์ชาติ มี 2 ทางเลือก คือ ค่อยๆ ขึ้นดอกเบี้ยที่ร้อยละ 0.25 แต่ต้องแลกด้วยตลาดเงินตลาดทุนผันผวนรุนแรง เงินไหลออกค่อนข้างมาก และอาจถูกโจมตีค่าเงิน หรือเก็งกำไรค่าเงิน
ส่วนอีกทางเลือก คือ การขึ้นดอกเบี้ยแรง หรือร้อยละ 0.50 ซึ่งจะป้องกันเงินเฟ้อ สกัดเงินไหลออกได้และรักษาเสถียรภาพเงินบาท แต่สิ่งที่ต้องแลกคือเศรษฐกิจอาจฟื้นตัวช้าลง
ขณะที่วันนี้ (28 ก.ย.) จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งคาดว่า จะมีมติไม่เป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 โดยกรรมการเสียงส่วนน้อยอาจสนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ยร้อยละ 0.50 อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าจะต้องปรับขึ้น ซึ่งในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น กลุ่มหนึ่งที่น่าเป็นห่วงคือ คนเป็นหนี้
นางธัญญนิตย์ นิยมการ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน 2 ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า แม้ตลาดอยู่ในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น แต่ไม่กระทบลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างปรับโครงสร้างหนี้
ตอนนี้ที่ดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น ทั้งธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินของรัฐ ยังให้ความร่วมมือไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยทันที เพราะยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสม
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhwnz7mU2BvYwpv26LFFXNBrUyT4.jpg)
สำหรับเงินบาทที่อ่อนค่า มีทั้งคนเสียประโยชน์และได้ประโยชน์ ซึ่งฝั่งผู้นำเข้าเสียประโยชน์อย่างแน่นอน แต่ฝั่งผู้ส่งออกอาจไม่ได้ประโยชน์ในระยะยาว หากค่าเงินอ่อนจนขาดเสถียรภาพ
ล่าสุด แบงก์ชาติออกบทความ "เงินบาทผันผวน แบงก์ชาติทำอะไร" เนื้อหาหลัก คือ ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวตามกลไกตลาด แบงก์ชาติจะดูแลเมื่อเกิดความผันผวนสูงผิดปกติ ที่อาจส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจ ผู้ประกอบการต้องเตรียมรับมือ ซึ่งในภาวะค่าเงินบาทที่มีโอกาสผันผวนอีกในอนาคต คำตอบหนีไม่พ้น "การบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน" โดยที่ผ่านมา แบงก์ชาติได้ส่งเสริมความเข้าใจ การบริหารความเสี่ยงดังกล่าวและสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านโครงการต่างๆ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เอกชนชี้ "เงินบาทอ่อน" ไม่กระทบแข่งขัน แนะรับมือดอกเบี้ยขาขึ้น
เงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 16 ปีที่ 37.37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ