"พิธา-ศิธา-ชลน่าน-อนุทิน" ตั้งเป้าเลือกตั้ง กวาด ส.ส.เข้าสภาให้มากที่สุด

การเมือง
6 ต.ค. 65
12:14
396
Logo Thai PBS
"พิธา-ศิธา-ชลน่าน-อนุทิน" ตั้งเป้าเลือกตั้ง กวาด ส.ส.เข้าสภาให้มากที่สุด
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
“อนุทิน” ตั้งเป้า เลือกตั้งครั้งหน้ากวาด 120 ส.ส. ชี้ ทำงานเพื่อประชาชนจะผ่อนเครื่องไม่ได้ “หมอชลน่าน” มอง 2 ป. กำลังแข่งลงพื้นที่ แสดงความเป็นผู้นำ ทำได้แต่อย่าใช้ภาษีหาประโยชน์เลือกตั้ง “พิธา” หวังได้ ส.ส.เขตทั่วประเทศ ไม่หวังเป็นพรรคบัญชีรายชื่อ

วันนี้ (6 ต.ค.2565) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความคาดหวังของพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้า ที่จะต้องได้ ส.ส.120 เสียง ว่า เป็นพรจากผู้ใหญ่ และเป็นเป้าหมายของพรรค ท่านพูด ก็แปลว่า พรรคภูมิใจไทย มีศักยภาพที่จะทำได้ เรื่องแบบนี้ เราไม่ล้อเล่น มันต้องพยายามเต็มที่ จะผ่อนเครื่องไม่ได้

ส่วนจะมาจากไหน ก็ต้องมาจากการทำงานหนักของพรรคภูมิใจไทย ส.ส. และสมาชิกพรรคทุกคน ต้องลงพื้นที่เข้าชาร์จปัญหาเลย การทำนโยบาย อย่าไปมองว่าต้องทำเฉพาะที่หาเสียงไว้ แต่อะไรที่เป็นประโยชน์ ก็ต้องทำด้วย

ใช้ “ฟอกไตฟรี” หาเสียงเลือกตั้ง

ยกตัวอย่างเรื่องฟอกไตฟรี นี่ไม่เคยเป็นนโยบายของพรรค แต่ด้วยความเป็น รมว.สาธารณสุข พบว่า ผู้ป่วยฟอกไต จ่ายครั้งละ 1.5 พันบาท สัปดาห์หนึ่งฟอก 2 ครั้ง จ่าย 3 พันบาท ไหนจะค่าเดินทางอีก ภาระของประชาชนก็ต้องหาทางช่วย ประเทศไทยมีนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ต้องทำให้ได้แบบนั้นจริง ๆ มีความสามารถจะช่วยได้ ก็ต้องหาทาง ตอนนี้ทำสำเร็จแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่การมาเป็นนายกฯ คือตำแหน่งที่ทุกขลาภ นายอนุทิน กล่าวว่า มาทำงานการเมืองมีเรื่องให้เจ็บตัวอยู่แล้ว ตนพร้อมแล้ว ทั้งการศึกษา และประสบการณ์ ก็อยากนำมาช่วยบ้านเมือง

เข้ามาตรงนี้ มีเสียงวิพากษ์ วิจารณ์ แต่เข้าใจได้ เพราะงานของเรามันเกี่ยวพันกับคนทั้งประเทศ เสียงสะท้อนเข้ามาจึงมากมายหลากหลาย สิ่งที่เป็นประโยชน์ ตนพร้อมรับฟังและปรับใช้ เพื่อพัฒนาการทำงานให้ดีขึ้น

ระบุ ส.ส.ย้ายพรรคเป็นเรื่องปกติ

เมื่อถามถึงกรณีที่มี ส.ส.เตรียมย้ายเข้าพรรคภูมิใจไทยจำนวนมาก ซึ่งอาจสร้างความไม่พอใจให้กับพรรคการเมืองอื่น นายอนุทินกล่าวว่า การย้ายพรรคเป็นเรื่องปกติ ผมก็เคยย้ายพรรค ก่อนจะมาอยู่ไทยรักไทย ก็อยู่พรรคชาติพัฒนามาก่อน แล้วก็ย้ายจากไทยรักไทยมาอยู่ภูมิใจไทย เรื่องนี้ธรรมดามาก อยู่ที่ว่าย้ายมาแล้วทำงานได้หรือเปล่า

“หมอชลน่าน” ติง 2 ป. ลงพื้นที่ได้ แต่อย่าใช้ภาษีหาเสียง-หาประโยชน์

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำท่วม ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ว่า ในแง่ดีถือเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะผู้นำจะต้องลงไปรับทราบปัญหาอย่างแท้จริง แต่ต้องระมัดระวังไม่ใช้อำนาจหน้าที่ และภาษีประชาชนไปหาแสวงหาผลประโยชน์ หรือหาเสียงแอบแฝง

การลงพื้นที่ของทั้งสองคน เป็นการลงพื้นที่ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไปซ้ำรอย พล.อ.ประวิตร ถ้าเปรียบเป็นหรือภาษาวัยรุ่น อาจจะใช้คำว่าขิงกัน หรือเป็นการแข่งขันกันทางการเมือง เพราะขณะนี้นายกรัฐมนตรี ตัวจริงกลับมาแล้ว

อย่างไรก็ตามตนเชียร์ให้ทั้งสองคนทำแบบนี้ตลอด แม้จะเป็นเรื่องความขัดแย้งภายใน แต่ประชาชนได้ประโยชน์กับเรื่องนี้ และในอนาคต จะทำให้ภาพการเมืองชัดเจนขึ้นว่า ใครเหมาะที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

ชี้ “ประวิตร” ภาษีดีกว่า “ประยุทธ์”

นพ.ชลน่านกล่าวว่า มองว่า พล.อ.ประวิตรถือเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งวิธีการทำงานและการเข้าถึงประชาชน ดังนั้นใครที่อยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยากที่จะชนะการเลือกตั้ง ส่วนพรรคพลังประชารัฐส่งจะพิจารณาใคร เป็นแคนดิเดตไม่ขอวิจารณ์ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพรรคนั้น

“ก้าวไกล” หวังได้ ส.ส.เขต ครบทุกภาค

ด้าน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งว่า ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (7 ต.ค.) จะลงพื้นที่ภาคอีสาน 7 จังหวัด และภาคตะวันออก แต่ต้องระวังเรื่องกฎเหล็ก 180 วัน ส่วนกลางเดือนนี้จะมีการออกนโยบายแรก

อยากได้ ส.ส.มากขึ้น แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ ต้องมองให้ครอบคลุมมากขึ้น เพราะพรรคก้าวไกลอยากได้ ส.ส เขตครบทุกภาค และอยากได้ ส.ส.เขตมากกว่า ไม่อยากเป็นพรรคบัญชีรายชื่อ และคิดไว้บ้างแล้วว่า หลังเลือกตั้งจะจับมือกับพรรคไหน

“ศิธา” ระบุพรรครัฐบาลซื้อตัว ส.ส.ถึง 80-100 ล้าน

น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงการเตรียมพร้อมเลือกตั้ง ว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นำทีมลงพื้นที่ตลอดตั้งแต่ตั้งพรรคมา ไม่ว่าจะมีการเลือกตั้งหรือไม่ เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า การเป็นผู้นำต้องเข้าใจและเข้าถึงปัญหาประชาชนทุกพื้นที่

เชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีการประมูลตัว ส.ส. มีตัวเลขสูงถึง 80-100 ล้านบาท โดยเฉพาะ ส.ส.ที่มีคะแนนเสียงของตัวเอง แต่ส่วนใหญ่เกิดขึ้นกับพรรครัฐบาล คะแนนของบ้านใหญ่จึงมีนัยยะสำคัญ จึงต้องสู้ซื้อ ส.ส. บ้านใหญ่ เข้ามาในพรรค ซึ่งจะทำให้การเมืองตกต่ำ และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมเชื่อว่าจะเห็น ส.ส. ย้ายพรรคถูกประมูลซื้อตัวจำนวนมาก

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง