G7 ย้ำจุดยืน หนุนหลัง "ยูเครน" จนกว่าสงครามจะจบ

ต่างประเทศ
12 ต.ค. 65
07:18
425
Logo Thai PBS
G7 ย้ำจุดยืน หนุนหลัง "ยูเครน" จนกว่าสงครามจะจบ
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
G7 ย้ำจะให้ความช่วยเหลือยูเครนต่อเนื่องไปจนกว่าสงครามจะสิ้นสุด ทั้งเรื่องเงิน อาวุธ ฯลฯ ขณะที่นักวิเคราะห์จากชาติตะวันตกเริ่มมองว่ารัสเซียเหมือนจะหลังชนฝา ประสบปัญหาขาดแคลนทั้งอาวุธและกำลังพล เพราะการวางแผนที่ผิดพลาด

ยูเครนไม่ท้อ จุดเทียน-เตาฟืนหุงหาอาหาร

โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซียประกาศว่า รัสเซียได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศด้วยการยิงขีปนาวุธพิสัยไกลใส่เป้าหมายทางการทหารและพลังงานของยูเครน โดยการโจมตีบรรลุวัตถุประสงค์ทั้งหมด

การโจมตีระลอกล่าสุดของรัสเซียส่งผลกระทบทั่วยูเครน รวมถึงเมืองลวิฟที่อยู่ทางตะวันตกของประเทศ ร้านค้าต่างๆ ต้องหันไปพึ่งพาการจุดเทียนช่วยให้แสงสว่างภายในร้าน หลังจากพื้นที่ร้อยละ 30 ของเมืองไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ชั่วคราว เนื่องจากการโจมตี แต่ร้านอาหารหลายแห่งยืนยันว่าจะเปิดร้านต่อไปโดยใช้เตาฟืนหุงหาอาหารแทน


ขณะที่ชาวกรุงเคียฟเริ่มทยอยเข้าเก็บกวาดซากความเสียหายจากการโจมตีระลอกล่าสุดของรัสเซีย ซึ่งวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ระบุว่า เป็นการตอบโต้การก่อการร้ายที่ยูเครนระเบิดสะพานเคิร์ชในไครเมีย

การโจมตีระลอกนี้เกิดขึ้นในอีกหลายเมืองทั่วประเทศ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 19 คนและได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 100 คน

เสนาธิการกองทัพยูเครนระบุว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธกว่า 80 ลูกและใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศโจมตีเป้าหมาย 20 แห่ง ซึ่งระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนสามารถยิงสกัดได้ 56 ลูก ในขณะที่ขีปนาวุธบางลูกถูกยิงตกในย่านชุมชนที่อยู่อาศัย

ยกระดับโจมตีบนความเพลี่ยงพล้ำ

สถานการณ์ที่น่ากังวลตอนนี้อีกข้อคือ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ออกมาขู่ยกระดับการโจมตี หากยูเครนยังไม่หยุดก่อวินาศกรรมบนแผ่นดินของรัสเซีย

ความเพลี่ยงพล้ำในสงครามอาจเป็นแรงกดดันให้ผู้นำรัสเซียหลังชนฝาและหันมาโต้กลับอย่างหนักหน่วงมากยิ่งขึ้น บวกกับการระเบิดสะพานเคิร์ชที่ทำให้รัสเซียอับอายอย่างมาก ในเรื่องนี้แม้ว่าทีมสืบสวนชุดพิเศษของรัสเซีย จะระบุว่า ต้นเหตุของเพลิงไหม้และความเสียหายของสะพานเคิร์ช เป็นผลมาจากการระเบิดของรถบรรทุก แต่มีข้อมูลที่น่าสนใจจากสื่อรัสเซีย

สำนักข่าว RT ของรัสเซีย รายงานอ้างข้อมูลจากเว็บไซต์ข่าวสืบสวนสอบสวนอิสระ The Grayzone ที่ระบุว่า หน่วยข่าวกรองอังกฤษมีส่วนวางแผนการระเบิดสะพานเคิร์ช โดยเจ้าหน้าที่อังกฤษได้รับมอบหมายภารกิจให้ศึกษาแนวทางการระเบิดสะพานนี้ ซึ่งสำนักข่าวแห่งนี้อ้างข้อมูลจากเอกสารภายในหน่วยงานที่ได้รับมาจากแหล่งข่าวไม่ประสงค์ออกนาม

ข้อมูลนี้ระบุว่า เป้าหมายภารกิจคือการทำลายเส้นทางลำเลียงเส้นหลักของรัสเซีย
แผนการดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา โดยระบุถึงทางเลือกในการโจมตีหลายอย่าง ทั้งการใช้ขีปนาวุธร่อน พุ่งเป้าโจมตีเสาคอนกรีตหลักสองข้างที่รองรับโครงสร้างส่วนโค้งของสะพานซึ่งเป็นเหล็กกล้า หรือแม้กระทั่งการใช้นักประดาน้ำหรือโดรนใต้น้ำติดตั้งกับระเบิดในส่วนที่โครงสร้างของสะพานเปราะบางที่สุด

นอกจากนี้รายงานข่าวดังกล่าวยังระบุว่า แม้เหตุระเบิดสะพานเคิร์ชจะเกิดจากการใช้ระเบิดรถบรรทุก ซึ่งไม่ตรงตามแนวทางที่ระบุในเอกสารการวิเคราะห์ของอังกฤษ แต่ก็มีหลักฐานชี้ว่าสายลับอังกฤษได้ให้ข้อมูล การศึกษาแผนการความเป็นไปได้ในการโจมตีกับผู้มีอำนาจในรัฐบาลยูเครนไว้ด้วย

ขณะที่ผอ.หน่วยข่าวกรองอังกฤษ มองว่า กองทัพรัสเซียกำลังประสบปัญหาขาดแคลนอาวุธและกำลังพล เนื่องจากการวางยุทธศาสตร์การรบผิดพลาดของผู้นำรัสเซีย ทำให้กองทัพยูเครนกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบในการทำสงคราม

การระดมกำลังจากผู้ต้องขังและคนไร้ทักษะการรบเข้าร่วมในสงคราม ชี้ให้เห็นภาวะเข้าตาจนของกองทัพรัสเซียได้ชัดเจน และชาวรัสเซียเริ่มตระหนักถึงผลกระทบจากการทำสงคราม หลังจากมาตรการต่างๆ ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

G7 ออกโรงสนับสนุนยูเครนจนกว่าสงครามจะจบ

ล่าสุดผู้นำกลุ่ม G7 ร่วมกันให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนยูเครน ทั้งด้านการเงิน มนุษยธรรม การทหาร การทูตและทางกฎหมาย ต่อไป ตราบเท่าที่จำเป็น หลังจากยูเครนถูกรัสเซียถล่มระลอกใหม่ โดยท่าทีนี้เกิดขึ้นหลังการประชุมทางไกล ซึ่งบรรดาผู้นำต่างเห็นชอบร่วมกันที่จะส่งความช่วยเหลือด้านการทหารและมนุษยธรรมให้แก่ยูเครนต่อไป


นอกจากนี้ ยังประณามการโจมตีของรัสเซีย ในเมืองต่างๆ ในยูเครนระลอกล่าสุด ซึ่งเป็นเหตุให้พลเรือนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบ และจัดเป็นอาชญากรรมสงคราม โดยระบุว่า จะเอาผิดปูตินและผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย

ด้าน Sergei Lavrov รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ระบุว่า รัสเซียเปิดกว้างต่อการพูดคุยกับชาติตะวันตกในประเด็นยูเครน โดยพร้อมจะหารือกับสหรัฐฯ หรือตุรกี เพื่อหาหนทางยุติสงคราม ที่ยืดเยื้อมานานเข้าสู่เดือนที่ 8 พร้อมระบุว่า ยังไม่ได้รับข้อเสนอแนวทางการเจรจาอย่างเป็นรูปธรรมใดๆ ส่วนในประเด็นการใช้อาวุธนิวเคลียร์ซึ่งเป็นที่วิตก รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ระบุว่า รัสเซียจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ก็ต่อเมื่อเผชิญภัยคุกคามความอยู่รอดเท่านั้น

ส่วนทางการสหรัฐฯ ระบุว่าท่าทีดังกล่าวเป็นการจงใจสร้างภาพ เพราะสวนทางกับการเดินหน้าโจมตีเมืองต่างๆ ในยูเครนอย่างต่อเนื่อง

พบหลุมศพหมู่เพิ่ม จากการยึดพื้นที่คืน

ขณะที่ในเมืองลีมานที่อยู่ทางตะวันออกของยูเครน ซึ่งกองทัพยูเครนยึดพื้นที่คืนได้จากกองทัพรัสเซียเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ยูเครนเข้าตรวจสอบหลุมศพหมู่ ซึ่งมีความยาวกว่า 300 เมตร โดยผู้ว่าการท้องถิ่นระบุว่า พบร่างผู้เสียชีวิต 55 คน ซึ่งมีทั้งพลเรือนและทหาร แต่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุการเสียชีวิตได้ทั้งหมด


หลุมศพหมู่ในเมืองนี้ถูกพบเป็นแห่งล่าสุด หลังจากก่อนหน้านี้การปลดปล่อยเมือง อิเซียมทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครนเมื่อเดือนที่แล้ว มีการตรวจพบหลุมศพหมู่ที่มีผู้เสียชีวิตฝังอยู่ภายในมากกว่า 430 คน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง