ฝ่ายต่อต้าน “กัดดาฟี” เคยถูกจับในไทย

นายอับเดล ฮาคิม เบลฮาจ ผู้บัญชากองกำลังต่อต้าน พ.อ.โมฮัมมาร์ กัดดาฟี ออกมาเรียกร้องคำขอโทษจากทุกฝ่าย หลังจากที่เมื่อปี พ.ศ.2547 ถูกจับกุมที่กรุงเทพฯ ฐานต้องสงสัยว่าเป็นผู้ก่อการร้าย จากนั้นก็ถูกส่งตัวกลับในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน โดยหน่วยซีไอเอของสหรัฐฯ และเอ็มสิบหกของอังกฤษเป็นผู้พาตัวกลับ ก่อนจะโดนทรมานในลิเบีย

 

ขณะที่นายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรี สั่งตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาสอบสวนคำกล่าวหา พร้อมย้ำว่า ต้องสอบสวนอย่างถึงที่สุดให้ได้ความจริง

 

นอกจากจะมีการเปิดเผยกรณีที่ผู้บัญชาการกองกำลังต่อต้านรัฐบาลของ พ.อ.กัดดาฟี ถูกจับกุมในไทยแล้ว ยังมีการขยายประเด็นเพิ่มเติมด้วยว่า จีนซึ่งเข้าร่วมกับสหประชาชาติในการคว่ำบาตรการค้าอาวุธ กลับลอบค้าอาวุธจำนวนมากให้กับ พ.อ.กัดดาฟี ทั้งด้วยการส่งผ่านแอลจีเรีย เพื่อนบ้านของลิเบีย และขายเองโดยตรง

 

ข้อกล่าวหานี้ได้รับการยืนยันจากแกนนำทั้งหมดของรัฐบาลฝ่ายกบฏในเมืองเบงกาซี ทั้งนี้โดยมีการยืนยันด้วยเอกสารที่ถูกพบว่าเป็นการติดต่อซื้อขายที่ลงนามโดยเจ้าหน้าที่รัฐบาลจีน นอกจากนี้ฝ่ายกบฏในลิเบียยังพบอาวุธทั้งปืนและกระสุนจำนวนมากอยู่ในสภาพใหม่แกะกล่องรอบกรุงตริโปลี ซึ่งเชื่อว่ามาจากจีน

 

รัฐบาลจีนออกมาแถลงปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ โดยอธิบายว่า ผู้แทนรัฐบาล พ.อ.กัดดาฟีเคยเดินทางมายังโรงงานผลิตอาวุธ 5 แห่งของจีนเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาก็จริง แต่การซื้อขายจะมีขึ้นหรือไม่นั้น รัฐบาลจีนไม่ได้รู้เห็นด้วย ทั้งนี้มีข้อสังเกตว่า โรงงานอาวุธในจีนนั้นย่อมเป็นของรัฐ ซึ่งฝ่ายกบฏในลิเบียถึงกับกล่าวว่า เรื่องนี้จะไม่มีวันลืม แต่การอภัยนั้นสามารถให้กันได้

 

ด้านสถานการณ์สู้รบหลังการเจรจาให้ชาวเมืองบานีวาหลิดยอมแพ้ล้มเหลวลงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ล่าสุดฝ่ายกบฏได้เสริมกำลังเข้ามาล้อมไว้อย่างต่อเนื่อง หากฝ่ายสนับสนุน พ.อ.กัดดาฟียังไม่ยอมแพ้และวางอาวุธภายในวันเสาร์นี้ ฝ่ายกบฏก็จะบุกโจมตี