โชว์พลังเสียงอวดโดโน่ไทย "แบคโฮ" ไอดอลเดบิวต์ 11 ปี กับเส้นทางศิลปินเดี่ยว

Logo Thai PBS
โชว์พลังเสียงอวดโดโน่ไทย "แบคโฮ" ไอดอลเดบิวต์ 11 ปี กับเส้นทางศิลปินเดี่ยว
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
แบคโฮ (BAEKHO) กลับมาหาแฟนคลับชาวไทยอีกครั้งในฐานะศิลปินเดี่ยว พร้อมหอบเพลงในอัลบั้มโซโล่มาโชว์พลังเสียงเต็มที่ นับเป็นอีกก้าวสำคัญในฐานะไอดอลที่เดบิวต์มาแล้ว 11 ปี พร้อมเซอร์ไพรส์พูดไทยและร้องเพลง "กีดกัน" จากซีรีส์ดัง
สวัสดีครับ ผมแบคโฮครับ ตื่นเต้นมาก ๆ 

ทักทายเหล่าโดโน่ทั้งไทยและต่างชาติด้วยภาษาไทย ก่อนจะโชว์พลังเสียงด้วยเพลงจากอัลบั้มโซโล่ “Absolute Zero” นับเป็นการเปิดการแสดง 2023 BAEKHO MINI CONCERT < BAEKHoney DAY> IN BANGKOK ที่สร้างความประทับใจและทำให้แฟน ๆ ได้หายคิดถึง สำหรับหนุ่มแบคโฮ เมมเบอร์วง NU'EST ที่กลับมาประเทศไทยครั้งนี้ในฐานะศิลปินเดี่ยวเต็มตัว เดินหน้าสู่เส้นทางใหม่กับบทพิสูจน์ไอดอลที่เดบิวต์เข้าสู่ปีที่ 11

กลับมาอีกครั้งแบคโฮ ก็ปล่อยเซอร์ไพรส์ให้แฟน ๆ ได้ยิ้มไปตาม ๆ กัน กับการประดิษฐ์ดอกไม้ใส่กรอบรูป พร้อมแนบภาพที่เขาถ่ายในประเทศไทยและข้อความที่เขียนด้วยลายมือว่า "มีความสุขมากครับ" และเซอร์ไพรส์รอบที่ 2 กับการอวดเสียงหวาน ๆ ร้องเพลง "กีดกัน" เพลงของหนุ่มบิวกิ้น จากซีรีส์เรื่องดังแปลรักฉันด้วยใจเธอ

มีเซอร์ไพรส์จากแบคโฮแล้ว เหล่าโดโน่ก็เตรียมโปรเจ็กพิเศษไว้ต้อนรับไอดอลสุดโปรดคนนี้เช่นกัน กับสโลแกน "รอยยิ้มของแบคโฮ​ คือความสุขของพวกเรา" พร้อมเปิดคลิป VTR รวบรวมผลงานของแบคโฮในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหนุ่มคนนี้มากความสามารถ และพร้อมคว้าทุกโอกาสที่เข้ามาจริง ๆ

รับทุกงาน-โชว์ความสามารถในฐานะไอดอล 11 ปี

แบคโฮ ได้โอกาสรายงานข่าว และเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ นอกเหนืองานร้องเพลงแล้ว เขายังแวะเวียนไปเป็นผู้ร่วมรายการต่าง ๆ ล่าสุด ก็ได้กลายเป็น "โปรกอล์ฟ" ในรายการ Buddy Boys ทางช่อง JTBC ของเกาหลีใต้ ซึ่งเดินทางมาถ่ายทำที่ประเทศไทยร่วมกับหนุ่มไทยอย่างนิชคุณ วง 2PM เมื่อไม่นานมานี้ด้วย

แบคโฮ บอกกับแฟนคลับว่า เขาพยายามทำทุกอย่าง เมื่อมีอะไรเสนอเข้ามาเขาก็พร้อมที่จะก้าวไปอย่างเต็มที่ เพราะความรักที่แฟน ๆ ทุกคนมีให้กับเขาเสมอมา ทำให้เขารู้ว่าทุกคนจะคอยเป็นกำลังใจและติดตามเขาอยู่เสมอ

การรับงานที่หลากหลายเป็นอีกความท้าทายของไอดอลที่เดบิวต์มา 11 ปี คนนี้ แม้แฟนคลับหลายคนจะเริ่มต้นด้วยการเป็น L.O.Λ.E ติดตามวง NU'EST ตั้งแต่ปี 2012 แต่ไม่ใช่ไอดอล K-POP ทุกวงจะประสบความสำเร็จและเดินไปบนเส้นทางที่โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ ด้วยปัจจัยหลายอย่างทำให้สมาชิกในวงต้องเดินหน้าต่อสู้อีกครั้งในฐานะผู้เข้าร่วมการแข่งขันในรายการเซอร์ไววัลอย่าง Produce 101 Season 2 เมื่อปี 2017 ซึ่งแบคโฮคือหนึ่งในนั้น

ด้วยความสามารถทั้งร้องและเต้นที่ครบเครื่อง ประกอบกับทัศนคติและความอดทนพยายาม จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ใครหลายคนจะตกหลุมรักเขาและกลายมาเป็นโดโน่จนถึงปัจจุบัน แม้จะไม่ได้เดบิวต์ในรายการ แต่เขาก็กลับมาสร้างสรรค์ผลงานเพลงร่วมกับเพื่อนในวงอีกครั้งใน NU'EST W พร้อมกับฐานแฟนคลับที่เพิ่มขึ้นอย่างล้นหลาม

แบคโฮได้พิสูจน์ความสามารถของตัวเองผ่านการช่วงชิงพื้นที่หน้าจอ และยังสร้างสรรค์ พร้อมส่งต่อผลงานดี ๆ ให้แฟนคลับที่คอยสนับสนุนได้ติดตามเสมอมาตลอดเส้นทางไอดอล 11 ปีของเขา และยืนยันที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ที่ยังไม่เคยได้ลองต่อไป ท่ามกลางการเดบิวต์ของวงใหม่ทุกวัน ไปจนถึงกระแสของไอดอลเจนใหม่ที่อยู่ในสังเวียนการแข่งขันอันร้อนแรงของอุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีใต้

ไข่ชมพูไวรัล รีวิวอาหารไทยก่อนมินิคอนเสิร์ต

ช่วงท้ายงาน แบคโฮยังได้บอกเล่าประสบการณ์ที่เดินทางมายังประเทศไทยว่า เขามีความสุขมาก ๆ โดยเฉพาะการได้มากินอาหารไทย ทั้งผัดไทย นมเปรี้ยว ผลไม้ รวมไปถึง "Pink Eggs" หรือ ไข่สีชมพู ที่กลายเป็นไวรัลในทวิตเตอร์ตั้งแต่เมื่อค่ำวานนี้ หลังจากเขาได้รีวิวไข่เยี่ยวม้าทางโซเชียลแล้วถามว่า ทำไมไข่ถึงเป็นสีชมพู ทำให้หลายคนพยายามเข้าไปคอมเมนต์อธิบายกับหนุ่มเสียงดีคนนี้อยู่หลายความคิดเห็นเรียกเสียงหัวเราะในทวิตเตอร์กันไป

(อ่านต่อ : "จีฮโย-บังชาน-แบคโฮ" ไอดอล K-POP กับอาหารไทยที่ตกหลุมรัก)

ผู้จัดหน้าใหม่เห็นโอกาสคอนฯ K-POP, C-POP ในไทย-เทศ

นายธนริศย์ ปรีชาวริศศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ Best Warin หนึ่งในผู้ร่วมจัดงาน 2023 BAEKHO MINI CONCERT < BAEKHoney DAY> IN BANGKOK บอกกับไทยพีบีเอสออนไลน์ว่า กระแสไข่เยี่ยวม้าเมื่อค่ำวานนี้ช่วยกระตุ้นยอดขายบัตรมินิคอนเสิร์ตได้เป็นอย่างดี สะท้อนถึงกำลังซื้อของแฟนคลับชาวไทยเป็นอย่างมาก แม้ว่าวันนี้ (4 ก.พ.2566) จะมีงานคอนเสิร์ตและแฟนมีตติ้งหลายงาน แต่ก็ยังได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่บริษัทด้าน Digital Maketing ตัดสินใจกระโดดเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งบนสังเวียนธุรกิจคอนเสิร์ตแฟนมีตติ้งเช่นนี้

ไม่เพียงแฟนคลับชาวไทยเท่านั้น แต่แฟนคลับในประเทศเพื่อนบ้านก็มีกำลังซื้อมาก และหลายครั้งแฟน ๆ จากฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ หรือเวียดนามก็เดินทางมาดูคอนเสิร์ตที่ประเทศไทย ดังนั้น ธุรกิจนี้ยังไปได้อีกไกลมาก

นายธนริศย์ ยังบอกอีกว่า นอกจากกระแส K-POP แล้ว กระแส C-POP ก็เป็นอีกเทรนด์ที่กำลังมา ไอดอลและนักแสดงฝั่งประเทศจีนนั้น มีแฟนคลับอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในประเทศไทย ดังนั้น ในอนาคตจึงมองเห็นตลาดคอนเสิร์ตและแฟนมิตติ้งฝั่ง C-POP ที่จะขยายไปได้อีกมาก 

ขณะเดียวกัน นอกจากเป็นผู้จัดในประเทศแล้ว โอกาสทางการตลาดสำหรับการเป็นผู้จัดคอนเสิร์ตในต่างประเทศก็น่าสนใจไม่น้อยไปกว่ากัน ดังนั้น ในอนาคตอาจจะได้เห็นผู้จัดไทยหน้าใหม่เดินหน้าจัดคอนเสิร์ตในประเทศเพื่อนบ้านโซนเอเชียเพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อย

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง