"ธนกร" มั่นใจกรณี จนท.คุมตัวผู้เห็นต่างไม่กระทบภาพลักษณ์นายกฯ - "ป้านา" เตรียมแจ้งความ

การเมือง
14 มี.ค. 66
10:03
218
Logo Thai PBS
"ธนกร" มั่นใจกรณี จนท.คุมตัวผู้เห็นต่างไม่กระทบภาพลักษณ์นายกฯ - "ป้านา" เตรียมแจ้งความ
"ธนกร" มั่นใจเหตุ จนท.คุมตัวผู้เห็นต่าง ที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ไม่กระทบภาพลักษณ์ "นายกฯ" พร้อมระบุทุกฝ่ายสามารถแสดงความเห็นได้แต่ต้องอยู่ใต้กรอบของกฎหมาย

วันนี้ (14 มี.ค.2566) จากกรณีเจ้าหน้าที่คุมตัวผู้เห็นต่างที่มาแสดงความเห็นระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ลงพื้นที่ที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี 

นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุการณ์ตำรวจคุมตัวผู้เห็นต่างที่มาแสดงความเห็นระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯลงพื้นที่ที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ว่าต้องเข้าใจว่าระหว่างที่นายกฯลงพื้นที่ ส่วนใหญ่พื้นที่จะได้รับประโยชน์

การที่มีประชาชนบางส่วนเห็นต่างสามารถทำได้ตามระบอบประชาธิปไตย แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งตำรวจก็ต้องทำความเข้าใจว่าอาจมีการกระทบกระทั่งระหว่างประชาชนได้ ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ซึ่งแนวทางปฏิบัติต้องเป็นไปตามหลักสากล

นายกฯไม่ได้ทราบมาก่อนว่าจะมีผู้เห็นต่างมาในพื้นที่ ก็เข้าใจได้ว่าในการลงพื้นที่หลังจากนี้อาจจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้บ้าง ซึ่งนายกฯก็เข้าใจดี แต่ก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย พร้อมย้ำว่าทุกคนเป็นคนไทย ทำอะไรก็ต้องทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน

แต่อย่างไรก็ต้องฟังคำชี้แจงจากตำรวจว่า แนวทางการปฏิบัติเป็นไปตามหลักสากลหรือไม่ ตนจึงมองว่า หากตำรวจปล่อยให้กลุ่มเห็นต่างมาแสดงความเห็นอาจทำให้คนส่วนใหญ่ที่มารอต้อนรับนายกฯไม่พอใจ ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นในอดีต

พร้อมยืนยันเหตุการณ์ดังกล่าวไม่กระทบภาพลักษณ์นายกฯ เพราะเป็นคนละส่วนกัน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯของคนไทยทุกคน ทุกวันนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์แต่ตนอยากแจ้งไว้ว่า การแสดงออกสามารถทำได้ แต่ต้องเป็นไปตามกรอบกฎหมาย

พร้อมย้ำว่าในการลงพื้นที่ของพรรคการเมืองอื่น กลุ่มเห็นต่างก็ไม่ควรปฏิบัติในลักษณะดังกล่าว ชอบหรือไม่ชอบให้ไปตัดสินในการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย

ส่วนกังวลเรื่องการยุบพรรคหรือไม่หลัง กกต.เตือนพรรครวมไทยสร้างชาติเรื่องการนำสถาบันมาเกี่ยวข้องกับการหาเสียง นายธนกรระบุว่า เป็นเรื่องที่ต้องรับฟัง นายกฯในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคได้กำชับแกนนำทุกคนให้ปฏิบัติตามระเบียบ กกต.อย่างเคร่งครัด

ขณะที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.กล่าวถึง กรณีการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจในการควบคุมหญิงเห็นต่างทางการเมืองออกจากพื้นที่ราชการของนายกฯ ที่ จ.ราชบุรี เมื่อวานนี้ว่า

ตำรวจทำหน้าที่ดูแลทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล และเนื่องจากนายกฯเป็นผู้นำในรัฐบาล การดูแลความปลอดภัยก็ต้องเข้มข้น ซึ่งเป็นหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ในฐานะตำรวจก็ขอความร่วมมือทุกฝ่ายว่า มีความเห็นต่างได้แต่ไม่ต้องการให้มีการใช้ถ้อยคำด่าทอรุนแรง หรือพฤติกรรมที่สุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมาย

ผบ.ตร.กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้การตำรวจจังหวัดราชบุรี ได้ชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า มีการกระทำของสตรีท่านหนึ่งวิ่งเข้าไปใกล้รถและเข้าใกล้ตัวซึ่งเป็นอันตราย จึงต้องมีการดำเนินการโดยตำรวจหญิง และได้รับรายงานว่า ตำรวจหญิงถูกกัดนิ้ว ย้ำที่จะดูรายงานในข้อเท็จจริงอีกครั้งหนึ่ง เบื้องต้นตำรวจราชบุรีได้มีการดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าวแล้ว

ในการปฏิบัติหน้าที่ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มโน้น กลุ่มนี้ ไม่อยากให้เลียนแบบกัน หากเกิดกลุ่มฝ่ายค้านลงพื้นที่ แล้วกลุ่มที่เห็นต่างกับฝ่ายค้านไปทำพฤติกรรมเช่นเดียวกันก็ไม่ดี อยากให้เน้นในการใช้สิทธิเลือกตั้ง เพราะว่าเหลือเวลาอีกไม่นาน รักใครชอบใครก็ขอให้ไปใช้สิทธิ์เลือกคนนั้นก็แล้วกัน

ผบ.ตร.กล่าวว่า กำลังตรวจสอบว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่เป็นไปตามกฎหมายหรือเกินกว่าเหตุ รุนแรงหรือไม่ ซึ่งไปตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ชัดเจน ยอมรับว่าเห็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงส่วนหนึ่ง ซึ่งจะต้องได้เห็นภาพเหตุการณ์ตั้งแต่เริ่มต้นว่ามีการกระทำอะไรไปก่อนหน้านั้นหรือไม่

ทั้งนี้ ก็ถือเป็นสิทธิของบุคคลดังกล่าวที่จะเข้าแจ้งความต่อกองปราบ แต่ทุกคนก็ต้องยอมรับผลของการกระทำของตัวเอง พร้อมย้ำขอความร่วมมือใกล้จะเลือกตั้ง ไม่ต้องการให้มีการกระทำให้เกิดภาพลักษณ์ต่างคนต่าง ใช้คำด่าทอกัน กังวลว่าในอนาคตจะเกิดการเลียนแบบ ซึ่งไม่ดี

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวถึงแผนปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยของตำรวจกรณีที่นายกฯจะลงพื้นที่ครั้งต่อไปว่าจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะกังวลว่าฝ่ายกองเชียร์ อาจจะตีฝ่ายที่ไม่เชียร์

ตำรวจจะพยายามทำให้เกิดความสงบเรียบร้อย และยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งเป็นคนไทยด้วยกันอยู่แล้ว ซึ่งความเห็นต่างเกิดขึ้นได้ แต่ไม่อยากให้เกิดความรุนแรง หรือการด่าทอด้วยคำไม่สุภาพ เช่น ตำรวจถูกด่าระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ก็อาจเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน

รวมถึงการด่าทอนายกฯ ระหว่างปฏิบัติราชการก็เข้าข่ายการกระทำที่ผิดกฎหมาย ก่อนจะฝากทิ้งท้ายว่าการดำเนินการของตำรวจ ในฐานะเจ้าพนักงานปฏิบัติตามหน้าที่ หากมีการออกคำสั่งให้ทำอะไรแล้วไม่ปฏิบัติตามก็เข้าข่ายขัดคำสั่ง หรือหักไปจับกุมผู้กระทำความผิดแล้วมีการขัดขวางหรือการต่อสู้ก็จะเข้าข่ายต่อสู้ขัดขวางอีก ฝากให้ระมัดระวังในเรื่องนี้ด้วย

ขณะที่ ล่าสุด นางวันทนา โอทอง จะเดินทางจาก จ.ราชบุรีมา แจ้งความเอาผิดเจ้าหน้าที่ในทุกข้อหาที่เกี่ยวข้อง โดยจะเดินทางมาแจ้งความที่กองปราบฯ ถนนพหลโยธิน เวลา 13.00 น.

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง