"นารา" ขอ ก.ยุติธรรม ช่วยไกล่เกลี่ยผู้เสียหาย "กล่องสุ่มทองคำ"

อาชญากรรม
17 มี.ค. 66
11:24
298
Logo Thai PBS
"นารา" ขอ ก.ยุติธรรม ช่วยไกล่เกลี่ยผู้เสียหาย "กล่องสุ่มทองคำ"
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"นารา" ยื่นขอให้กระทรวงยุติธรรมเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยผู้เสียหายจากการขาย "กล่องสุ่มทองคำ" มีผู้เสียหายเกือบ 100 คน ยังไม่คืนเงินกว่า 12 ล้านบาท ยืนยันพร้อมคืนเงินให้ทุกคนแต่ขอเวลาขายของหาเงินคืนภายในเดือน พ.ค.นี้

วันนี้ (17 มี.ค.2566) นายอนิวัติ ประทุมถิ่น หรือ นารา พร้อมด้วยนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ เข้าพบ ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อร้องขอให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพดำเนินการไกล่เกลี่ยผู้เสียหายจากการขายกล่องสุ่ม เพื่อเป็นการระงับข้อพิพาทก่อนฟ้องคดีได้

ขณะที่นายอนุวัติ ยอมรับว่า ได้เริ่มขายกล่องสุ่มมาตั้งแต่เดือน ส.ค.2565 จนเริ่มมีปัญหาเมื่อวันที่ 3 ก.พ.2566 ที่ผ่านมา โดยการขายกล่องสุ่มมีตั้งแต่ราคา 5,000 - 250,000 บาท โดยกำหนดระยะเวลาตั้งแต่ 1 สัปดาห์ ถึง 1 เดือน เพื่อให้ลุ้นว่าในกล่องดังกล่าวมีทองคำอยู่น้ำหนักเท่าไร ซึ่งที่ผ่านมีผู้ร่วมซื้อกันจำนวนมาก

จากนั้นต้นเดือน ก.พ. เริ่มมีคนซื้อเกิดปัญหาจากการส่งของการขาดสภาพคล่องและไม่ได้ของตามต้องการ ซึ่งมีผู้เสียหายกว่า 500 คน หลังจากเกิดปัญหาก็ได้พยายามเจรจาและคืนให้กับผู้เสียหายมาโดยตลอดจนเหลือผู้เสียหายอีกประมาณ 100 คน เงินคงเหลือกว่า 12 ล้านบาท

พร้อมคืนเงินทุกคน ภายในเดือน พ.ค.นี้

นอกจากนั้นยังมีการค้างเงินให้กับผู้ประกอบการสินค้าที่ได้ไปเปิดบิลไว้อีกประมาณ 100 คน เพื่อจะนำสินค้าของตัวเองไปขายหรือจะให้ขายเองแล้วแต่ตกลง เช่น อาหารเสริม ขนม ก็ยืนยันว่าจะจ่ายเงินคืนให้ทั้งหมดแต่ขอเวลาไปขายของเพื่อนำเงินที่ได้มาใช้ให้กับผู้เสียหาย คาดว่าจะสามารถใช้คืนได้ภายในเดือน พ.ค.นี้

นายอนุวัติ กล่าวว่า ไม่มีการเปิดบัญชีม้าในการรับโอนเงินโดยเป็นบัญชีของตัวเองทั้งหมด รวมทั้งไม่ได้นำเงินที่ได้มาไปลงทุนเทรดเงินตราต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้ก็ได้ขายทรัพย์สินไปแล้ว ทั้งสินค้าแบรนเนม และจำนองบ้านและที่ดินเอาไว้แล้ว เพื่อจะนำเงินมาใช้หนี้ทั้งหมด

ยืนยันไม่คิดจะหลบหนี รวมทั้งขายของอีกหลายชนิดเพื่อนำเงินมาคืนให้กับผู้เสียหาย

ขณะที่ นายเดชา กล่าวว่า การใช้สิทธินี้ผู้ที่ถูกกล่าวหาทุกคนสามารถกระทำได้ เพื่อเป็นการลดภาระการฟ้องคดีในชั้นศาล โดยให้มาไกล่เกลี่ยกันระหว่างคู่ความเรื่องการชดใช้ค่าเสียหาย ในส่วนของคดีแพ่งไม่ได้ทำให้คดีนี้ล่าช้า

ส่วนผู้เสียหายรายใดที่มีความประสงค์ที่จะฟ้องร้องคดีอาญาก็ยังสามารถทำได้ตามปกติ แต่เฉพาะในส่วนของคดีแพ่งหากไกล่เกลี่ยและตกลงการชดใช้ค่าเสียหายกันได้ก็จะทำให้ทั้งสองฝ่ายได้ประโยชน์

ก.ยุติธรรม เป็นตัวกลางเจรจาผู้เสียหาย

ขณะที่ ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต เปิดเผยว่า กระทรวงยุติธรรมจะเป็นตัวกลางในการเจรจากับผู้เสียหาย หากเข้ามาพบเจ้าหน้าที่กระทรวงก็จะนัดหมายกับคู่กรณีเพื่อมาตกลงชดใช้ค่าเสียหาย โดยจะต้องทำเป็นสัญญาชดใช้ค่าเสียหาย หากผิดสัญญาก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นกัน

ตามกฎหมายการไกล่เกลี่ยของกระทรวงยุติธรรมแล้วความเสียหายต้องไม่เกิน 5,000,000 บาท หรือสามารถติดต่อศูนย์ไกล่เกลี่ยภาคเอกชน ซึ่งวงเงินความเสียหายไม่เกิน 500,000 บาทต่อคน และจะทำให้คดีต่าง ๆ มีความรวดเร็ว และผู้เสียหายได้เงินเร็วขึ้น ซึ่งหากผู้เสียหายเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยแล้วก็จะทำเรื่องต่อศาลให้บังคับคดีได้ทันที

ข่าวที่เกี่ยวข้อง