เลือกตั้ง2566 : “สกลธี” ชูกองทุนประชารัฐ 300,000 ล้าน ดูแลย่านเศรษฐกิจ กทม.

การเมือง
20 เม.ย. 66
15:00
118
Logo Thai PBS
เลือกตั้ง2566 : “สกลธี” ชูกองทุนประชารัฐ 300,000 ล้าน ดูแลย่านเศรษฐกิจ กทม.
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
“สกลธี” ลงพื้นที่ช่วย “สฤษดิ์” ผู้สมัครรับเลือกตั้ง เขต 1 กทม. ชูกองทุนประชารัฐ 300,000 ล้านบาท ดูแลย่านเศรษฐกิจใหม่ทั่ว กทม.

วันนี้ (20 เม.ย.2566) นายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหาร และหัวหน้าทีมผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ย่านสะพานหัน พร้อมกับ ดร.สฤษดิ์ ไพรทอง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง เขต 1 (ดุสิต พระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย สัมพันธวงศ์) หมายเลข 11 เพื่อพบปะประชาชน

นายสกลธี กล่าวว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ได้สั่งให้พรรคคิดนโยบายด้านปากท้อง ลดค่าครองชีพ ออกมาเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ทั้งการลดราคาน้ำมันเบนซิน 18 บาท ลดดีเซล 6 บาท หรือการลดราคาแก๊สเหลือถังละ 250 บาท ซึ่งสามารถทำทันทีที่เป็นรัฐบาล

ล่าสุดพรรคได้ออกนโยบายลดค่าไฟฟ้า โดยจะปรับโครงสร้างราคาที่มีการคิดเงินซ้ำซ้อนอยู่มาก ซึ่งจะทำให้ลดค่าไฟฟ้าลงเกือบ 50% เหลือเพียงหน่วยละ 2.50 บาทเท่านั้น ทั้งหมดนี้ก็จะช่วยให้ทุกคนมีเงินเหลือไปใช้จ่ายอย่างอื่นเพิ่มขึ้น

นายสกลธี กล่าวว่า วันนี้ตนเอง และ ดร.สฤษดิ์ ไพรทอง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง เขต 1 หมายเลข 11 ได้มาลงพื้นที่ย่านสะพานหัน ซึ่งหลัง COVID-19 ที่นี่กลายเป็นย่านเศรษฐกิจเชื่อมต่อเขตพระนครและสัมพันธวงศ์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ แต่ยังต้องการการสนับสนุนจากรัฐทั้งในด้านงบประมาณและการดูแลอื่น ๆ แต่จะหวังพึ่งงบประมาณของ กทม.อย่างเดียวก็คงไม่พอ

พรรคพลังประชารัฐ จึงจะตั้งกองทุนประชารัฐ 300,000 ล้านบาท โดยกรุงเทพฯ น่าจะได้เงินมาช่วยพัฒนาพื้นที่หลายหมื่นล้านบาท ดูแลและสร้างแหล่งท่องเที่ยวตามย่านต่าง ๆ หรือใช้ในการสร้างระบบขนส่งสาธารณะและสาธารณูปโภคที่จำเป็นเพิ่มเติมได้

ด้าน ดร.สฤษดิ์ กล่าวว่า สิ่งที่ทุกคนมองว่าจะแลนสไลด์ ผมบอกเลยว่าไม่เป็นความจริง ในส่วนของการทํางานและการแก้ปัญหาในพื้นที่ ส่วนใหญ่ทางเขต 1 เป็นเรื่องของการท่องเที่ยว จะเห็นได้พอช่วงกลางวันมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก ตรงนี้เป็นจุดขายของเขต 1 และเป็นจุดที่ทางพรรคกําลังจะเพิ่มและพัฒนาอยู่ในกองทุนอยู่แล้ว

กองทุน 300,000 ล้านบาท ที่กําลังจะจัดตั้งขึ้นจะเป็นเรื่องการจัดการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวเพิ่มเติม และจะทําให้เศรษฐกิจในพื้นที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง