ผบก.น.1 เผยพบเขม่าดินปืนที่มือ "อิคคิว" ยืนยันคดีนี้ไม่มีมือที่ 3

อาชญากรรม
21 เม.ย. 66
17:17
347
Logo Thai PBS
ผบก.น.1 เผยพบเขม่าดินปืนที่มือ "อิคคิว" ยืนยันคดีนี้ไม่มีมือที่ 3
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ลำดับเหตุการณ์การเสียชีวิตของ "จีจี้-อิคคิว" ระบุไม่มีมือที่สามเกี่ยวข้อง ขณะที่ผลตรวจพิสูจน์หลักฐานพบคราบเขม่าดินปืนที่มือฝ่ายชาย

วันนี้ (21 เม.ย.2566) พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ร่วมประชุมพร้อมชุดสืบสวนคดีการเสียชีวิตของ น.ส.สุพิชชา หรือ จีจี้ เนตไอดอลชื่อดัง และนักเรียนเตรียมทหารภูมิพัฒน์ หรือ อิคคิว ที่ สน.มักกะสัน เพื่อติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับพยานหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ

พล.ต.ต.อัฏธพร เปิดเผยหลังการประชุมว่า ผลการตรวจสอบพิสูจน์หลักฐานเบื้องต้น พบคราบเขม่าดินปืนอยู่ที่มือของฝ่ายชาย และพบหัวกระสุนฝังอยู่ในกะโหลกศีรษะของฝ่ายชาย เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างส่งหัวกระสุนไปตรวจพิสูจน์ว่าเป็นกระสุนจากปืนกระบอกที่ใช้ก่อเหตุหรือไม่ และเตรียมเรียกพ่อของฝ่ายชายมาสอบปากคำเพิ่มเติมถึงประเด็นอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ ซึ่งมีชื่อพ่อเป็นเจ้าของ รวมถึงอาวุธปืนคล้ายอาวุธปืนสงครามที่ผู้ก่อเหตุได้โพสต์ในเฟซบุ๊กด้วย

ส่วนพ่อของฝ่ายชายจะมีความตามผิดกฎหมายจากการให้ลูกชายครอบครองและใช้ปืนด้วยหรือไม่นั้น ยังต้องสอบปากคำก่อน แต่โดยทั่วไปกรณีเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี กฎหมายห้ามครอบครองและใช้อาวุธปืน ยกเว้นกรณีที่อยู่ในสนามยิงปืน ดังนั้นตำรวจจะตรวจสอบเรื่องระเบียบข้อปฏิบัติกับกระทรวงมหาดไทยอีกครั้ง

อ่านข่าว : ผบก.น.1 ยืนยัน นตท.ไม่ได้ตายทิพย์-ครอบครัวขอเลื่อนให้ปากคำ

ผบก.น.1 ยืนยันว่า คอนโดมิเนียมที่เกิดเหตุมีกล้องวงจรปิดหลายตัว และข้อมูลคีย์การ์ดยืนยันว่า น.ส.สุพิชชา ลงไปรับ นตท.ภูมิพัฒน์ บริเวณชั้น 1 ของที่พักและขึ้นมาที่ห้องเมื่อเวลาประมาณ 04.00 น.ของวันที่ 18 เม.ย. โดยไม่มีท่าทีทะเบาะหรือมีปากเสียงกัน จนถึงเวลาที่แม่และเพื่อนของ น.ส.สุพิชชา มาพบศพเมื่อเวลา 13.30 น.ของวันที่ 19 เม.ย. และแจ้งตำรวจก็พบว่าไม่มีใครเข้าออกห้องดังกล่าว

จากนั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงที่เกิดเหตุ ได้สั่งปิดกั้นสถานที่เกิดเหตุบริเวณชั้น 14 เป็นระยะเวลา 20 นาที โดยในช่วงเวลาดังกล่าวมีเพียงเพื่อนบ้านที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง 2 คนเท่านั้นที่ออกจากชั้น 14 ส่วนห้องที่เกิดเหตุไม่อนุญาตให้ใครเข้าไป มีเพียงเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน 5 คน เข้าไปตรวจที่เกิดเหตุ ตามด้วยแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลรามาธิบดี 3 คน พร้อมพนักงานสอบสวนเข้าไปชันสูตรพลิกศพ

ผบก.น.1 ระบุอีกว่า ตนเองในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนได้เข้าไปสังเกตการณ์ด้วย ใช้เวลาเก็บรวบรวมพยานหลักฐานและชันสูตรประมาณ 3 ชั่วโมง จึงให้ครอบครัวเข้าไปดูศพ ก่อนจะบรรจุศพลงถุงซิปล็อกและให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งนำศพออกไปชันสูตรอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลรามาธิบดี

ส่วนภายในห้องที่เกิดเหตุไม่พบร่องรอยการต่อสู้และตำรวจมีรายชื่อเพื่อนบ้านทั้งหมดแล้ว โดยอยู่ระหว่างประสานมาสอบปากคำ แต่เบื้องต้นสาเหตุที่เพื่อนบ้านอาจไม่ได้ยินเสียงปืนขณะก่อเหตุ เนื่องมาจากห้องที่เกิดเหตุไม่ใช่ห้องสตูดิโอ แต่มีลักษณะเป็นห้องชุดที่มีหลายห้องอยู่ภายใน ประกอบกับผนังค่อนข้างหนา เพราะเป็นคอนโดมิเนียมหรู ทำให้เสียงผ่านออกไปไม่ได้

ทั้งนี้ นอกจากพ่อแม่ของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ฝ่าย รวมถึงเพื่อนบ้านแล้ว ตำรวจจะเรียกเจ้าของห้องมาให้ปากคำด้วย เนื่องจากพบว่าห้องนี้เป็นเพียงห้องที่ให้ฝ่ายหญิงมาเช่า

อ่านข่าว : "จีจี้" เน็ตไอดอลถูกยิงเสียชีวิต พร้อมเพื่อนชายคาคอนโด

ขณะที่ พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่โลกโซเชียลมีความสงสัยว่า นตท.ภูมิพัฒน์ เสียชีวิตจริงหรือไม่ รวมถึงมีความพยายามปกปิดความจริงเพื่อให้หลบหนีไปหรือไม่นั้น ยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ ซึ่งตำรวจต้องทำคดีอย่างตรงไปตรงมาเพื่อตอบคำถามสังคม อีกทั้งยังเห็นว่าเป็นเรื่องปกติในโลกโซเชียลที่มีการตั้งข้อสงสัยในคดีต่างๆ ซึ่งสุดท้ายจะต้องจบด้วยการพิสูจน์ตามพยานหลักฐาน เพื่อให้ความจริงปรากฏ ดังนั้นจึงขอให้เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม

อย่างไรก็ตาม หนึ่งในผู้เสียชีวิตเป็นเยาวชน อายุไม่ถึง 18 ปี ยังอยู่ในความคุ้มครองของ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก การโพสต์ข้อมูลต่างๆ ที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงแก่ผู้เสียชีวิต อาจเข้าข่ายความผิดได้ จึงอยากเตือนให้โพสต์ข้อมูลด้วยความระมัดระวัง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ผบก.น.1 ยันทำคดี "จีจี้" ตามพยานหลักฐาน-ไม่มีอิทธิพลเกี่ยวข้อง

พ่อ "จีจี้" เผย ลูกถูกฝ่ายชายทำร้าย จนต้องย้ายคอนโดฯหนี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง