ราชวงศ์อังกฤษ : ย้อนรอยราชวงศ์วินด์เซอร์

ต่างประเทศ
1 พ.ค. 66
15:44
5,039
Logo Thai PBS
ราชวงศ์อังกฤษ : ย้อนรอยราชวงศ์วินด์เซอร์
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
กว่าร้อยปีของราชวงศ์ "วินด์เซอร์" กับเหตุการณ์สำคัญมากมาย ทั้งจักรวรรดิอังกฤษที่เริ่มเสื่อมอำนาจ การลดช่องว่างของราชวงศ์กับประชาชนของ "ควีน" ด้วย "BBC" และ 6 พ.ค.นี้ กับงานพระราชพิธีราชาภิเษกของ "คิง" หรือ สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร

House of Windsor - ราชวงศ์วินเซอร์ (1917-ปัจจุบัน)

พระเจ้าจอร์จที่ 5 ขึ้นครองราชบัลลังก์ในปี 1910 (และทรงเปลี่ยนชื่อราชวงศ์เป็นวินด์เซอร์ในปี 1917) พร้อมกับการเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี 1914-1918 แม้อังกฤษจะได้ชัยชนะในสงครามครั้งนี้ แต่ก็สูญเสียอาณานิคมของอังกฤษไปไม่น้อย

หลังการเสด็จสวรรคตของ พระเจ้าจอร์จที่ 5 ในปี 1936 พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 ขึ้นครองราชย์ในฐานะของกษัตริย์ของราชวงศ์วินด์เซอร์พระองค์ที่ 2 แต่ระยะเวลาไม่ถึงปี ในวันที่ 11 ธันวาคมของปีเดียวกัน พระองค์ก็ทรงสละราชสมบัติให้กับพระอนุชา นั่นคือ เจ้าชายอัลเบิร์ต และใช้ชื่อว่า พระเจ้าจอร์จที่ 6

พระเจ้าจอร์จที่ 6 มีคู่อภิเษกพระนามว่า อลิซาเบธ โบวส์ ลีออน (Elizabeth Bowes-Lyon) มีรัชทายาทเพียงพระธิดา 2 พระองค์คือ เจ้าหญิงเอลิซาเบธ และ เจ้าหญิงมาร์กาเร็ต ในรัชสมัยของ พระเจ้าจอร์จที่ 6 อังกฤษได้เข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 ปี 1939-1945 แม้ว่าอังกฤษจะอยู่ฝ่ายได้รับชัยชนะอีกครั้ง แต่ผลพวงจากสงครามก็ทำให้จักรวรรดิอังกฤษเกิดการเสื่อมอำนาจลง เนื่องจากมีสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต 2 ขั้วมหาอำนาจใหม่เกิดขึ้นมา

ในยุคที่ประชาชนต้องการขวัญและกำลังใจจากราชวงศ์หลังจากที่เสร็จสิ้นจากสงคราม แต่ พระเจ้าจอร์จที่ 6 นั้น ไม่สามารถกล่าวคำปราศรัยในที่สาธารณะได้ดี ทำให้การปกครองประเทศในรัชสมัยของพระองค์เต็มไปด้วยความยากลำบากจนกระทั่งพระองค์ได้เข้ารับการบำบัดกับนักบำบัดการพูดชาวออสเตรเลีย จนอาการพูดติดอ่างของพระองค์หายเป็นปกติ

ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 พระเจ้าจอร์จที่ 6 ต้องรับมือกับจักรวรรดิอังกฤษที่กำลังล่มสลาย เพราะประเทศอาณานิคมต่างประกาศเอกราช แต่พระองค์ก็ยังคงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ชาวอังกฤษรักมาก ด้วยพระราชกรณียกิจที่ทรงทำอย่างแข็งขัน จึงทำให้พระพลานามัยของ พระเจ้าจอร์จที่ 6 ทรุดโทรมลงอย่างเร็ว ประกอบกับทรงโปรดพระโอสถมวน (ชอบสูบบุหรี่) ทำให้พระองค์ประชวรด้วยพระโรคมะเร็งพระปับผาสะ (มะเร็งปอด)

ทำให้ เจ้าหญิงเอลิซาเบธ ต้องเสด็จเป็นตัวแทนพระองค์ในการเยือนอาณานิคมต่างๆ อยู่บ่อยครั้ง แต่ในขณะที่ประเทศอาณานิคมก็พยายามประกาศแยกตัวเป็นอิสระ เพียงแต่คงสถานะเป็นประเทศที่อยู่ในเครือของอังกฤษ หรือที่เรียกว่า British Commonwealth

ปี 1947 เจ้าหญิงเอลิซาเบธ พระธิดาองค์โตใน พระเจ้าจอร์จที่ 6 ทรงเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับ เจ้าชายฟิลิป แห่งกรีซและเดนมาร์ก ณ มหาวิหารเวสต์มินตอร์ในวันที่ 20 พ.ย.1947 เจ้าชายฟิลิปทรงสละพระอิสริยยศและฐานันดรศักดิ์ทั้งหมดของกรีซและเดนมาร์ก โดยทรงใช้ราชสกุลอังกฤษว่า Mountbatten ซึ่งแปลงมาจากราชสกุลเยอรมัน Battenberg ซึ่งเป็นราชสกุลฝ่ายพระมารดา

เจ้าหญิงเอลิซาเบธ พระราชทานฐานันดรศักดิ์แก่เจ้าชายฟิลิปเป็น His Royal Highness และทรงได้รับการสถาปนาเป็น Duke of Edinburgh, Earl of Merioneth และ Baron Greenwich

ต่อมาในวันที่ 4 พ.ย.1948 เจ้าหญิงเอลิซาเบธ ทรงมีพระประสูติกาลพระโอรสองค์แรก คือ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ และพระธิดา 1 พระองค์ พระโอรสอีก 2 พระองค์ ในเวลาต่อมา

วันที่ 6 ก.พ.1952 พระเจ้าจอร์จที่ 6 เสด็จสวรรคต ทำให้ เจ้าหญิงเอลิซาเบธ พระราชธิดาองค์โตต้องเสด็จกลับสู่อังกฤษขณะเยือนประเทศเคนยา ในฐานะกษัตริย์พระองค์ใหม่ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร

พระองค์มีพระราชพิธีราชาภิเษก ณ มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ ในวันที่ 2 มิ.ย.1953 เป็นครั้งแรกที่พระราชพิธีนี้ ได้ถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศผ่านสถานีโทรทัศน์ BBC หลังจากที่ประวัติศาสตร์ก่อนหน้านั้น พระราชพิธีราชาภิเษกของกษัตริย์ในราชวงศ์อังกฤษ ถูกจัดขึ้นท่ามกลางเชื้อพระวงศ์ ขุนนาง นักการเมืองและบุคคลสำคัญของอังกฤษเท่านั้น ถือเป็นการเชื้อเชิญให้ชาวอังกฤษทุกคนเข้าร่วมชมพระราชพิธีไปพร้อมๆ กัน

มีการกล่าวเอาไว้ว่านับตั้งแต่ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ขึ้นของราชย์ ช่องว่างของราชวงศ์และประชาชนอังกฤษ และเครือจักรภพก็เริ่มเปลี่ยนไป

หลังจากการเสด็จสวรรคตของ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เจ้าชายแห่งเวลส์ ทรงขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์องค์ใหม่ โดยใช้พระนามว่า สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งราชวงศ์วินเซอร์ ต่อจากพระราชชนนีทันที หลังจากที่ทรงดำรงตำแหน่งรัชทายาทลำดับแรกแห่งราชบัลลังก์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสถึง 64 ปี พร้อมเปิดฉากความท้าทายกับบทบาทหน้าที่ใหม่ใน ฐานะประมุของค์ใหม่ของประเทศท่ามกลางยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปและกระแสนิยมที่มีต่อสถาบันกษัตริย์ที่ค่อยๆ ลดลง

พระราชพิธีราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และพระราชินีคามิลลา จะถูกถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์ BBC ของอังกฤษ นับเป็นครั้งที่ 2 ที่ชาวอังกฤษจะได้ชมพระราชพิธีประวัติศาสตร์ไปพร้อมๆ กัน และนับเป็นครั้งแรกของโลกที่ได้รับชมพระราชพิธีศักดิ์สิทธิ์ของราชวงศ์อังกฤษที่มีมายาวนานนับพันปี 

อ่านข่าวเพิ่ม : ราชวงศ์อังกฤษ : ย้อนรอยกษัตริย์ผู้ปกครองอังกฤษ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง