ศาลยกฟ้อง "หลงจู๊สมชาย" คดีฟอกเงินการพนัน 200 ล้าน

อาชญากรรม
15 พ.ค. 66
16:03
2,523
Logo Thai PBS
ศาลยกฟ้อง "หลงจู๊สมชาย" คดีฟอกเงินการพนัน 200 ล้าน
ศาลอาญายกฟ้อง "หลงจู๊ สมชาย" และพวกรวม 5 คน ฐานฟอกเงิน กว่า 200 ล้าน - พ.ร.บ.การพนันฯ ชี้เป็นเพียงพยานบอกเล่าน้ำหนักน้อย ส่วนพวกอีก 2 คน พิพากษาจำคุก 2-3.6 ปี

วันนี้ (15 พ.ค.2566) ห้องพิจารณาคดี 903 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษา คดีร่วมกันฟอกเงิน-พ.ร.บ.การพนันฯ หมายเลขดำ อ.1429/2564 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้องนายสมชาย จุติกิต์เดชา หรือ หลงจู๊สมชาย ผู้กว้างขวางย่านภาคตะวันออก โดยนายสมชาย หรือ หลงจู จุติกิติ์เดชา หรือ นายธนา จุติกิติ์เดชา

,น.ส.จุฑามาศ วงษ์นิยม ,น.ส.อุไรวรรณ วงษ์นิยม ที่ 4 นายวราวุธ วรวุฒิปรีชาเวชช์, น.ส.นภัสสร ปรุโปร่ง , และ นายธนา จุติกิติ์เดชา บุตรชายนายสมชาย เป็นจำเลยที่ 1-7 ในความผิดฐานร่วมกัน ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน ,พ.ร.บ
การพนันฯ

อัยการโจทก์ ระบุฟ้องความผิดพวกจำเลยสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 15 ก.ค.2562- 30 มิ.ย.2563 ต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 1-3 กับพวกที่ยังหลบหนีร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนัน ไฮโลว์ บาการา สล็อทแมชีน ไพ่เสือ มังกร โดยไม่ได้รับอนุญาต ที่บ่อนการพนัน ต.มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง โดยมีการเปิดบัญชีธนาคาร 3 แห่งเพื่อรับโอนเงินจากนักพนันเพื่อนำไปซื้อชิพแทนเงินสด หลายครั้งหลายหนรวม 132,735,053 บาท

นอกจากนี้พวกจำเลยยังได้ร่วมกันกระทำผิดฐานฟอกเงินโดยโอนเงิน เบิกถอน จ่ายโอนเงินลักษณะสมคบกันเพื่อปกปิดแหล่งที่มา เปลี่ยนสภาพทรัพย์สินเพื่ออำพรางผ่านบุคคลและเครือผ่านบัญชีธนาคารต่างกรรมต่างวาระกันจำนวน 8,828 ครั้ง รวมยอดเงิน 232,746,053 บาท

ขอให้ลงโทษพวกจำเลยฐานร่วมกันฟอกเงินตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2485 ฯลฯ พวกจำเลยให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในส่วนจำเลยที่ 1 และ 7 จากพยานหลักฐานที่เบิกความสนับสนุนต่างไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับจำเลยที่ 1 จึงเชื่อได้ตามพยานโจทก์และพยานจำเลยเบิกความว่าจำเลยที่ 1 ประกอบอาชีพให้กู้ยืมเงินด้วยจริง ส่วนพยานโจทก์ผู้สืบสวนเส้นทางการเงินก็ล้วนแต่เป็นการรวบรวมคำให้การของนักพนันจากการสืบสวนหาข่าวซึ่งเป็นพยานบอกเล่าทั้งสิ้นพยานโจทก์ไม่ได้รู้เห็นด้วยตนเองจึงฟังมีน้ำหนักน้อย

ประกอบกับที่ได้วินิจฉัยข้างต้นแล้วว่า โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานรับฟังได้ว่าบัญชีธนาคารในบัญชีที่ระบุ ของนายน้อย เจ้าของบัญชีฟอกเงิน และ น.ส.ศิริพร เปิดขึ้นโดยเจตนาสมคบฟอกเงินเป็นการเฉพาะ แต่กลับฟังได้ว่าเป็นการใช้บัญชีธนาคารตามปกติ

พฤติการณ์ส่อแสดงว่าเป็นการโอนเงินเพื่อชำระหนี้คืนตามกฎหมาย พยานหลักฐานโจทก์จึงฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 1 และที่ 7 ซึ่งเป็นบุตรของจำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินฯ

ส่วนจำเลยที่ 2 พยานโจทก์ยืนยันไม่ได้ว่าการโอนเงินจำเลยที่ 1 และ 7 ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจของจำเลยที่ 2 ได้รู้ว่าเงินที่ไหนน้อยโอนให้จำเลยที่ 2 ได้มาจากการเล่นพนันหรือเจตนาเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินเพื่อซุกซ่อนปกปิดแหล่งที่มา ตามความผิดฟอกเงินฯ พยานหลักฐานโจทก์จึงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 กระทำผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน

ส่วนจำเลยที่ 3,4 เมื่อพิเคราะห์ถึงจำนวนเงินที่นายน้อยโอนบัญชีก็ได้ความว่าอาชีพให้กู้ยืมเงินรับซื้อขายที่ดินจึงมียอดโอนเข้าบัญชีหลายรายการ เมื่อตรวจดูรายการเดินบัญชีไม่พบการทำธุรกรรมด้านการเงินที่ผิดปกติจำนวนเงินได้รับโอนไม่สูงมากไปกว่านี้การโอนเงินจึงอาจเป็นการชำระหนี้ตามกฎหมายก็ได้พยานหลักฐานฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 3-4 ได้รับเงินโดยรู้แล้วว่านายน้อยได้มาจาก การจัดให้มีการเล่นพนันหรือฟอกเงินฯ หลักฐานฟังไม่ได้ว่าร่วมกระทำความผิด

ส่วนจำเลยที่ 5 พยานหลักฐานโจทก์รับฟังได้ว่าได้รับเงินโอนจากนายน้อย โดยรู้ว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการจัดให้มีการเล่นพนันฯ แต่พยานโจทก์ยืนยันไม่ได้ว่าทุกรายการที่กล่าวหาให้รับผิดจากการรับโอนเงิน ในส่วนของจำเลยที่ 5 เองเป็นรายการร่วมกันฟอกเงินทั้งหมดและโจทก์ไม่ได้ฟ้องผู้รับโอนเงินหลายคน ย่อมเป็นการยากที่จะรู้ถึงเจตนาของผู้โอนจึงเห็นควรให้จำเลยที่ 5 รับผิดเพียงผลของการรับโอนเงินที่กระทำผิดเท่านั้น

ส่วนจำเลยที่ 6 รับสารภาพว่ารับโอนเงินจากนายน้อย 7 ครั้ง แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 6 รับทราบว่าเป็นเงินจากการเล่นพนันจึงเป็นการกระทำความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินตามฟ้องจริง แต่พยานยืนยันไม่ได้ว่าทุกรายการที่กล่าวหาเป็นการฟอกเงินทั้งหมดจึงต้องรับผิดเพียงผลการรับโอนเงินที่กระทำความผิดเท่านั้น

พิพากษาว่าจำเลยที่ 5,6 มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ฯ มาตรา 5 (1),(2),60 การกระทำ จำเลยที่ 5-6 เป็น ความผิดหลายกรรมต่างกัน ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป จำเลยที่ 5 กระทำความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน สองกระทงจำคุกกระทงละ 1 ปีรวมจำคุก 2 ปี

จำเลยที่ 6 กระทำความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน 7 กระทงจำคุกกระทงละ 1 ปีรวมจำคุก 7 ปีจำเลยที่ 6 ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 3 ปี 6 เดือน ให้ยกฟ้องจำเลย 1-4 และที่ 7

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยก่อนหน้านี้ศาลอาญาเคยพิพากษายกฟ้องนายสมชาย กับพวกฐานร่วมกันฟอกเงิน และ ผิด พ.ร.บ.การพนันมาแล้ว รวมทั้งยกฟ้องนายสมชาย ฐานจ้างวานฆ่า นายประทุม อาชีพขี่จักรยานยนต์รับจ้าง ที่เป็นคนแจ้งเบาะแสเรื่องบ่อนพนันของนายสมชาย แต่พยานหลักฐานไม่เพียงพอ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

ศาลยกฟ้อง “หลงจู๊สมชาย” คดีจ้างวานฆ่าวิน จยย.

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง