จับหน.สวนพฤกษศาสตร์ดงมะอี่ หลักฐานชัด "ค้าไม้พะยูง" จ่อปลดออกราชการ

สิ่งแวดล้อม
2 มิ.ย. 66
16:44
1,051
Logo Thai PBS
จับหน.สวนพฤกษศาสตร์ดงมะอี่ หลักฐานชัด "ค้าไม้พะยูง" จ่อปลดออกราชการ
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
กรมอุทยานฯ-ตำรวจ นำหมายจับหัวหน้าสวนพฤกษศาสตร์ดงมะอี่ จ.ร้อยเอ็ด หลังพบหลักฐานมัดพัวพันแก๊งค้าไม้พะยูงข้ามชาติ หลังจับผู้ร่วมขบวนการปล้นไม้ 16 คนหนีอีก 4 คน สั่งพักราชการ และพิจารณาโทษปลดออกจากราชการ

วันนี้ (2 มิ.ย.2566) นายอรรถพล เจริญชันษา รักษาราชการอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้สัมภาษณ์ไทยพีบีเอสออนไลน์ กรณีเหตุปล้นไม้พะยูงของกลาง ในพื้นที่สวนพฤกษศาสตร์ดงมะอี่ จ.ร้อยเอ็ด เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 พ.ค.2566 เบื้องต้นมีการย้ายหัวหน้าสวนพฤกษศาสตร์แห่งชาติ ออกนอกพื้นที่ และตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง

นายอรรถพล กล่าวว่า คดีปล้นไม้พะยูงดังกล่าว พบพิรุธหลายอย่างที่เกิดขึ้น ทางกรมอุทยานฯ ได้ประสานขอรับการสนับสนุนจากพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พร้อมทั้งได้สั่งการให้หน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า (พญาเสือ) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามคดีดังกล่าว และมีคำสั่งให้นายวิสัน กุดแถลง หัวหน้าสวนพฤกษศาสตร์ดงมะอี่ มาปฏิบัติราชการที่สำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่าพร้อมกับแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว

ต่อมาหน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า ได้สืบสวนข้อมูลเชิงลึกพบว่า ก่อนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว มีบุคคลในพื้นที่มีประวัติอาชญากรรมเป็นผู้ต้องหาคดีลักลอบตัดไม้พะยูงและยาเสพติด พยายามติดต่อกับเจ้าหน้าที่หลายครั้ง เพื่อขอซื้อไม้พะยูงโดยเสนอราคาซื้อไม้ของกลางเป็นจำนวนเงิน 1,500,000 บาท และได้ตรวจสอบข้อมูลพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในทางลับอีกทางหนึ่ง ซึ่งได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการติดตามตัวคนร้ายร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

คณะเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณโดยรอบตามเส้นทางต่าง ๆ เพื่อหาเบาะแสของกลุ่มคนร้ายและเส้นทางการขนย้ายไม้ของกลางออกจากพื้นที่เกิดเหตุ พบยานพาหนะที่ใช้ในการก่อเหตุ ประกอบด้วย รถหกล้อเครน (รถเฮี๊ยบ) รถยนต์บรรทุกสิบล้อ รถยนต์กระบะ และรถยนต์เอนกประสงค์ ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดได้บันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ ของกลุ่มคนร้ายได้อย่างชัดเจนและพบข้อมูลว่ามีการนำไม้พะยูงไปซุกซ่อนอยู่ในโรงงานแปรรูปไม้ในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร อุดรธานี หนองคาย และยโสธร

เจ้าหน้าที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 และเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ได้สืบสวนติดตามเบาะแสเพื่อหาตัวคนร้ายและไม้พะยูงของกลาง ต่อมาได้ขอหมายจับจากศาลจังหวัดมุกดาหาร จำนวน 16 หมาย เพื่อจับกุมผู้กระทำผิดและผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการปล้นไม้พะยูงของกลางดังกล่าว โดยในห้วงระหว่างวันที่ 11–24 พ.ค.2566 สามารถจับกุมตัวผู้กระทำผิดได้แล้ว 12 คน และยังอยู่ระหว่างติดตามตัวอีก 4 คน

อ่านข่าวเพิ่ม หน.สวนพฤกษศาสตร์ดงมะอี่ ปัดเอี่ยวปล้นไม้พะยูง

จับหน.ดงมะอี่ หลักฐานมัด ยังไม่ให้ประกันตัว

ต่อมาเมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจได้นำหมายจับของศาลจังหวัดมุกดาหาร เข้าจับคุมตัวนายวิสัน กุดแถลง หัวหน้าสวนพฤกษศาสตร์ดงมะอี่ ซึ่งมีหลักฐานมัดตัวว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้าไม้พะยูง ส่งสถานีตำรวจภูธรหนองสูงใต้ จ.มุกดาหาร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะนี้ยังไม่ให้มีการประกันตัว

คาดว่าภายใน 1-2 วันนี้คณะกรรมการฯ จะสรุปผลสอบข้อเท็จจริงไว้ แต่ได้มีการสั่งพักราชการแล้ว และอาจพิจารณาโทษถึงขั้นออกจากราชการ

สำหรับคดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา นายวิสัน ได้รายงานว่ามีกลุ่มบุคคลสวมหมวกปิดบังใบหน้าพร้อมอาวุธครบมือ 30 คน นำบรรทุกหกล้อติดเครน 1 คัน รถบรรทุกสิบล้อ 1 คัน บุกเข้าไปในพื้นที่สวนพฤกษศาสตร์ดงมะอี่ บังคับควบคุมตัวหัวหน้าและเจ้าหน้าที่ทั้งหมดรวม 6 คน ยใช้อาวุธปืนข่มขู่และปล้นไม้พะยูงของกลางจำนวน 7 ท่อน ปริมาตรประมาณ 7 ลูกบาศก์เมตร แต่จากการสอบสวนตำรวจพบพิรุธ และนำมาสู่การออกหมายจับดังกล่าว

อ่านข่าวเพิ่ม ย้ายด่วน! หน.สวนพฤกษศาสตร์ดงมะอี่ ปมพิรุธปล้นไม้พะยูง

เพิกสิทธิครอบครองที่ดิน หลังพบพัวพันยิงจนท.

นายอรรถพล กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีคดีที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา กรณีนายสุวรรณ เหมือนทอง เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ จ.อุบลราชธานี ถูกยิงเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่สนับสนุนการป้องกันและปราบปรามขบวนการลักลอบนำรถยนต์ข้ามชายแดนไทย-ลาว ในท้องที่บ้านหนองชาด หมู่ 4 ต.คำเขื่อนแก้ว อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี

จากการสืบสวนพบว่านายกต สีทามั่น อายุ 51 ปี ชาวอ.พิบูลมังสาหารจ.อุบลราชธานี เป็นผู้ร่วมกระทำผิด โดยนายกต ได้แจ้งการสำรวจถือครองที่ดินในเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์ไว้ ดังนั้น เมื่อมีการกระทำผิดเกิดขึ้น กรมอุทยานฯ จึงเพิกถอนการครอบครองพื้นที่สำรวจถือครองดังกล่าว  

นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สืบสวนสอบสวนจนสามารถจับกุม ขบวนการค้าไม้มีค่าข้ามชาติ ซึ่งจะได้ขยายความร่วมมือเพื่อดำเนินการจับกุมปราบปรามขบวนการกระทำผิดกฎหมายอีกหลายคดี ตลอดจนคดีสำคัญที่มีการทำร้ายเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะเสียชีวิต ซึ่งผู้กระทำผิดมีทั้งชาวไทยและชาวลาว 8 คน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

อุกอาจ! คนร้าย 30 คนอาวุธครบมือปล้นไม้พะยูงของกลาง

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง