วันนี้ (13 พ.ย.2566) นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผย ผลการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทยกับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป หรือ เอฟตา (European Free Trade Association: EFTA) รอบที่ 7 ช่วงต้นเดือนพ.ย.ที่ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ว่า การเจรจา FTA ไทย-เอฟตา จะช่วยให้ GDP ของไทยเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.179 หรือประมาณ 886ล้านดอลลาร์สหรัฐ การส่งออกของไทยไปเอฟตา เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.142 หรือประมาณ 405.26 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และการนำเข้าของไทยจากเอฟตา เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.224 หรือประมาณ 615 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยสินค้าที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์ คือ ข้าว ข้าวโพดหวาน อาหารสำเร็จรูป อาหารสุนัขและแมว ผลไม้เมืองร้อน ไก่แปรรูป น้ำตาลและผลิตภัณฑ์ เครื่องแต่งกาย ยานยนต์และชิ้นส่วน และอัญมณีและเครื่องประดับ สำหรับภาคบริการที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์ อาทิ การท่องเที่ยว การเงิน โทรคมนาคม การแพทย์และสุขภาพ พลังงานสะอาด และด้านวิชาชีพ
ไทยจะจัดการประชุมกลุ่มทรัพย์สินทางปัญญาในรูปแบบออนไลน์วันที่ 13 - 17 พ.ย. และการประชุมกลุ่มกฎหมายและการระงับข้อพิพาทวันที่ 4 -7 ธ.ค.นี้ ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ซึ่งตั้งเป้าสรุปผลการเจรจาให้ได้ภายในกลางปี 2567
อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวอีกว่า ในช่วง 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย. 2566) ที่ผ่านมา การค้าระหว่างไทยกับเอฟตา มีมูลค่า 7,036 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยส่งออกไปเอฟตา มูลค่า 3,240 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยนำเข้าจากเอฟตา มูลค่า 3,796 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับสินค้าส่งออกสำคัญ เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ นาฬิกาและส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ นอกจากนี้ยังมีเครื่องใช้สำหรับเดินทาง สินค้านำเข้า เช่น เครื่องเพชรพลอย อัญมณีเงินแท่งและทองคำ นาฬิกา รวมทั้งส่วนประกอบ เนื้อสัตว์สำหรับการบริโภค ผลิตภัณฑ์ และเวชกรรมและเภสัชกรรม











