วันนี้ (6 ธ.ค. 2566 ) อาจารย์แพทย์แผนไทย คมสัน ทินกร ณ อยุธยา รองคณบดีฝ่ายการแพทย์แผนไทย วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า ตามประกาศสภาการแพทย์แผนไทย เรื่องเกณฑ์มาตรฐานและกรรมวิธีการแพทย์แผนไทยผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ตาม พ.ร.บ.วิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2556 ระบุว่า การเผายาเป็นกรรมวิธีทางการแพทย์แผนไทย เป็นหัตถการที่ส่งเสริม ป้องกัน ฟื้นฟู รักษาสุขภาพ ให้ผลเร็วกว่าการใช้ยาแผนไทยรักษา หรือ การนวด เหมาะสำหรับผู้ไข้ ที่มีอาการ ท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอเปรี้ยว กรดไหลย้อน ตะคริว ช่วยจุดไฟธาตุในการย่อย โดยเป็นการนำเอาเครื่องสมุนไพรวางไว้บริเวณที่ต้องการรักษา แล้วจุดไฟเผาเครื่องยา เพื่อบรรเทาอาการต่าง ๆ
![อาจารย์แพทย์แผนไทย คมสัน ทินกร ณ อยุธยา รองคณบดีฝ่ายการแพทย์แผนไทย วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhaNYrA2VZ6MQg8Brm1HZosUjg3c.jpg)
อาจารย์แพทย์แผนไทย คมสัน ทินกร ณ อยุธยา รองคณบดีฝ่ายการแพทย์แผนไทย วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
อาจารย์แพทย์แผนไทย คมสัน ทินกร ณ อยุธยา รองคณบดีฝ่ายการแพทย์แผนไทย วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
ย้ำหัตถการ"เผายา"คนทำต้องเป็นแพทย์แผนไทย
อาจารย์แพทย์แผนไทย คมสัน กล่าวว่า ทั้งนี้ศาสตร์การเผาเครื่องยาร้อนมี สืบกันมา ในกลุ่มหมอเมืองพื้นบ้านทางภาคเหนือของประเทศไทย เช่น เชียงใหม่ เชียงราย เป็นต้น ใช้หลักความร้อนจากการเผายา เพื่อกระจายกองลมที่อัดอั้นอยู่ตรงบริเวณที่มีอาการ ทำให้โลหิตเข้าไปหล่อเลี้ยงได้ดียิ่งขึ้นตลอดถึงทำให้ธาตุดินในบริเวณนั้นอ่อนตัวลงที่ ซึ่งผู้ทำหัตถการนี้ ต้องผ่านการอบรมและและจบการศึกษา แพทย์แผนไทย และต้องมีใบประกอบวิชาชีพ การทำหัตถการ ต้องทำให้ในคลินิกแพทย์แผนไทย มีใบอนุญาตอย่างถูกต้อง
หาก ผู้ไข้ หรือ ผู้มารับบริการ ไม่สบายใจในการรับบริการ สามารถดูคลิป และศึกษาวิธีการเผายา ก่อนรับบริการ และควรสอบถามถึง อุปกรณ์ในการป้องกันไฟ หรือเครื่องมือกู้ชีพขั้นพื้นฐาน เนื่องจากเกี่ยวข้องกับไฟ และ ปริมาณแอลกอฮอล์
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhaNYrA2VZ6MQg8FdvHs25xmOsKj.jpg)
คนมีไข้ไม่ควรทำ "เผายา" เพราะยิ่งเพิ่มความร้อน
อาจารย์แพทย์แผนไทยคมสัน กล่าวว่า ข้อจำกัดของการมารับรองการนั้น ผู้ไข้ ต้องไม่มีอาการปวดหัว หรือ มีไข้ ,มึนเวียนศีรษะ,หน้ามืดตาลาย เพราะการทำหัตถการนี้จะเพิ่มความร้อนให้กับร่างกาย สำหรับสมุนไพรที่ใช้ในการเผายา เป็นเครื่องยารสร้อน ไพล เหง้ากระทือ เหง้าขิง เหง้าข่า เหง้าขมิ้น เหง้าตะไคร้ก่อนทำหัตถการ ต้องได้รับการวินิจฉัย และนวดบริเวณที่มีอาการก่อน
จากนั้น นำผ้าชุบน้ำบิดแล้ววงล้อมบริเวณที่จะหัตถการนั้น และนำเครื่องยา ลงสระในวงที่ทำไว้เบื้องต้น จากนั้นโรยผงเกลือแกงเพื่อนำยาและความร้อนผ่านผิวหนังลงไปภายใน นำผ้าชุบน้ำอีกผืนหนึ่งคลุมปิดวงเครื่องยาที่สระไว้จนมิดชิด แล้วนำแอลกอฮอล์ 95% ราดลงแต่พอควรและจุดไฟ
คนไข้จะรู้สึกเพียงแค่อุ่นๆเท่านั้นเพราะเปลวไฟอยู่เพียงผืนผ้าที่เปียกน้ำอยู่ แลยังมีชั้นเครื่องยาขวางความร้อนจากเปลวไฟนั้นอยู่อีกเป็นชั้นที่สอง ขณะเดียวกันหมอจะถือผ้าชุบน้ำไว้อีกผืนเพื่อป้องกันเปลวไฟนั้นหากคนไข้แจ้งว่าร้อนพอควรแล้ว ก็จะดับไฟทันที จบขั้นตอนหัตถการ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ปิด 15 วันคลินิก "เผายาหน้าท้อง" เน็ตไอดอลไฟคลอก-แจ้ง 2 ข้อหา
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhaNYrA2VZ6MQg8HLsBNUvPPSBYo.jpg)
อาจารย์แพทย์แผนไทยคมสัน กล่าวย้ำว่า การทำหัตถการเผานี้ ต้องทำความไม่ประมาท ให้เกิดกับผู้ไข้ และคนทำหัตถการ แพทย์แผนไทยต้องมั่นใจในการทำและต้องอธิบายการทำหัตถการให้ผู้ไข้ทราบทุกระยะเพื่อความมั่นใจ และเชื่อมั่นในตัวแพทย์แผนไทย ไม่ใช่ตกใจจนควบคุมไม่ได้ และไม่อยากให้มองว่าการรักษาด้วยแพทย์แผนไทยจะต้องเกิดเหตุลักษณะนี้เช่น เพราะสิ่งที่เป็นข่าวในขณะนี้เป็นอุบัติเหตุ ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhaNYrA2VZ6MQg8CwXX0W9DnWXDB.jpg)
ปัจจุบันหัตถการเผาเครื่องยาร้อน ทำได้ในสถานพยาบาลของรัฐและเอกชน(คลินิก) สอบถามข้อมูลเบื้องต้นได้จากแพทย์แผนไทยปฎิบัติการณ์ประจำสถานพยาบาลที่มีหัตถการนี้อยู่ทั่วประเทศ