ข่าวลือหรือโยนหินถามทาง ปรับ ครม. "ประวิตร" นั่งแทน "พัชรวาท"

การเมือง
19 ก.พ. 67
15:25
620
Logo Thai PBS
ข่าวลือหรือโยนหินถามทาง ปรับ ครม. "ประวิตร" นั่งแทน "พัชรวาท"
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
แม้หลังจัดตั้งรัฐบาล “เศรษฐา 1” จะไม่มีชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ

เพราะด้วยศักดิ์ศรีบารมีที่เบ่งบาน สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มารัฐบาลนี้ ก็เหมือนหลีกทางให้คนอื่นได้แสดงบทบาท ส่วนเจ้าตัวก็หลบไปกุมบังเหียนอยู่หลังฉาก จนมีคนถามว่า “หายหน้าไปไหน”

เจ้าตัวออกมาเมื่อต้นปี 2567 บอกว่าไม่ได้หายไปไหน ก็ยังทำงานอยู่ แค่ไม่ได้เป็นรัฐบาล

ผ่านมาถึง วันที่ 14 ก.พ.2567 พล.อ.ประวิตร ก็ไปไหว้พระที่วัดเล่งเน่ยยี่ พร้อมเหล่าแกนนำ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ประเด็นข่าววันนั้น

นอกจากบรรยากาศไหว้พระขอพรกันแล้ว ไม่แคล้วต้องตอบคำถาม ถึงการปรับคณะรัฐมนตรี โควตาของพรรคพลังประชารัฐอีก

เพราะมีข่าวหนาหูว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม น้องรัก จะหลุดไป เพราะปัญหาสุขภาพ ซึ่งก็ได้รับการปฏิเสธ

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของข่าวปรับ ครม.ของพรรคนี้ ก่อนหน้านี้ มีการพูดกันถึงขั้นว่า สองแกนนำพรรคพลังประชารัฐ จะเข้ามาเสียบแทนใน 2 ตำแหน่ง คือ อุตตม สาวนายน และ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์

ต่อมาวันที่ 23 ม.ค.2567 มีนักข่าวไปถาม พล.ต.อ.พัชรวาท ที่ จ.ระนอง อีกครั้ง ระหว่างไปประชุม ครม.สัญจร และก็ได้รับการปฏิเสธอีกครั้ง

ล่าสุด 13 ก.พ.2567 ก่อนการประชุม ครม.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.พัชรวาท ก็ต้องตอบคำถามนี้อีกครั้ง และยังคงปฏิเสธกระแสข่าวที่ว่า เตรียมจะลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะมีอาการป่วย

และที่มีข่าวว่า “ถอดใจ” จะวางมือจากการเมือง เพราะไม่ถนัดงานการเมือง ก็ยืนยันอีกว่า “ไม่เป็นความจริง”

ล่าสุด เมื่อมีข่าวว่า จะมีการเสนอรายงานฉบับสมบูรณ์ “โครงการอุโมงค์ผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์ เพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง อ.บ่อพลอย ห้วยกระเจา เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี” เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในวันที่ 7 มี.ค.2567 ที่จะถึงนี้

กระแสข่าวการปรับ ครม.ในส่วนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็ถูกพูดถึงอีกครั้ง

โครงการนี้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2564 มีกรมชลประทานรับผิดชอบ ภายใต้การดูแลของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. ที่ต้องการผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี ผ่านเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ไปยังอ่างเก็บน้ำลำอีซู ในพื้นที่ อ.บ่อพลอย เลาขวัญ และห้วยกระเจา ระยะทาง 20.1 กิโลเมตร ใช้งบประมาณเกือบ 20,000 ล้านบาท

โครงการนี้มีอุโมงค์ส่งน้ำลึกลงไปใต้ดิน 500 เมตร ด้วยเหตุผลต้องการแก้ปัญหาภัยแล้งซ้ำซาก ให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว

คาดว่าหากได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ก็จะดำเนินการได้ทันที ใช้เวลาดำเนินการ 4-10 ปี จะเห็นภาพรวมทั้งหมด

ทั้งอุโมงค์ส่งน้ำแล้ว ยังมีระบบส่งน้ำจากอ่างเก็บน้ำลำอีซู ,บ่อพักน้ำหลุมรัง ,ระบบส่งน้ำไปยังพื้นที่รับประโยชน์ คลองส่งน้ำกว้าง 3 เมตร ลึก 2.20 เมตร ยาวประมาณ 94 กิโลเมตร

ที่มีกระแสข่าวนี้ขึ้นมาในช่วงนี้ ด้วยเพราะรัฐบาลก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตร เป็นรองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแล สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. และเป็นผู้ดำริโครงการนี้มาตั้งแต่แรก

เมื่อโครงการเดินทางมาถึงตอนนี้ ที่ต้องเดินหน้าอย่างเต็มที่ เพื่อให้เห็นเป็นรูปธรรมในรัฐบาลเพื่อไทย การอำนวยความสะดวกในระดับนโยบายจึงเป็นเรื่องสำคัญ

หากมีการปรับ ครม. โดย พล.อ.ประวิตร กลับมานั่งในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ควบ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โครงการนี้จะดำเนินไปอย่างไร้รอยต่อ

ด้วยเพราะเจ้าของโครงการคือ สทนช. ที่กำกับดูแลกรมชลประทาน ซึ่ง พล.อ.ประวิตร เคยกำกับดูแลมาแล้ว ส่วนอีกด้านกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ที่กำกับดูแลกรมอุทยานแห่งชาติฯ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จ.กาญจนบุรี ที่จะอำนวย ให้โครงการนี้ดำเนินไปอย่างไม่สะดุด

ล่าสุด สิ่งที่ต้องจับตา คงไม่ใช่เพียงการปรับคณะรัฐมนตรีเท่านั้น แต่สิ่งที่น่าจับตายิ่งกว่าคือ “โครงการอุโมงค์ผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์” เพราะหากมองให้ไกลออกไป อาจไม่ใช่การผันน้ำเพื่อแก้ปัญหาความแห้งแล้งเสียทั้งหมด แต่เป็นการรองรับนิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันตก ที่เชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านก็เป็นได้

อ่านข่าว : "อุทยาน" สังสแกนหลักหมุดนิรนาม ส.ป.ก.โผล่ป่าอนุรักษ์

ต้นตอวิกฤต "หญ้าทะเล" จ.ตรัง จากระบบนิเวศเปลี่ยน หรือ ฝีมือมนุษย์

นักวิจัยชี้ “รอยเสือโคร่ง” ที่คลองลาน เป็นเสือข้ามถิ่นจากแม่วงก์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง