วันนี้ (13 เม.ย.2568) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจหลังช่วงสงกรานต์ ว่า วันนี้การประสานพลังสามัคคีกันก็ยากอยู่แล้ว ยิ่งมีปัจจัยภายนอกรุมเร้า ทั้งสงครามการค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงไปมา ทำให้ไทยต้องปรับตัวตลอดเวลา
ไทยต้องเข้มแข็งด้วยตัวเอง ต้องการความสามัคคีของคนในชาติ มองไปข้างหน้าอย่างสร้างสรรค์ด้วยกัน อย่าไปมองอะไรที่เป็นข้อระแวง ข้อสงสัย รับรองว่าจะทำให้ดีที่สุด เพราะนายกรัฐมนตรีตั้งใจมากเป็นคนรุ่นใหม่ อยากเห็นสังคมแข็งแรงอยากให้ทุกคนช่วยกันคิดช่วยกันทำ
ขณะเดียวกันรัฐบาลก็พร้อมฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย แต่ความเห็นนั้นไม่จำเป็นต้องได้รับการยอมรับ แต่ได้รับการพิจารณาทุกคน ทั้งนี้เมื่อถามถึงกำแพงภาษีจะมีโอกาสที่นายทักษิณต่อสายคุยกับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาด้วยตนเองหรือไม่
นายทักษิณระบุว่า ตอนนี้มีโอกาสได้พูดคุยกับคนที่อยู่รอบตัวทรัมป์หลายคน คิดว่าอยู่ในภาวะที่คุยกันได้ แต่อาจจะต้องลดในสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปบ้าง เช่น การกีดกันทางการค้าที่ไม่จำเป็น ซึ่งเมื่อก่อนไทยมี ข้อตกลง WTO คือ หากออกกฎอะไรจะต้องใช้เหมือนกันทุกประเทศ แต่ตอนนี้อเมริกาเป็นคนเริ่ม ว่าบังคับใช้กับประเทศนั้นประเทศนี้ได้ ทำให้ไทยสามารถปรับตัวได้
กติกาบางอย่างไทยไปกีดกัน เช่น รถจักรยานยนต์ ซึ่งรถที่อเมริกาเป็นแบบลักชูรี่ คนที่มีความสามารถในการซื้อมีไม่มาก และไม่ได้มีการแข่งขันกับอุตสาหกรรมภายในประเทศ แต่ไทยไปตั้งกำแพงภาษี ซึ่งตรงนี้อาจจะไม่จำเป็น
อย่างไรก็ตามฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน จะพยายามพูดคุยเพื่อให้เกิดการค้าเสรี วันนี้หากการกีดกันทางการค้ามากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ประเทศที่กำลังพัฒนาเดือดร้อนมากเท่านั้น เพราะประเทศต้องการขยายตัวด้านเศรษฐกิจ การจ้างงาน กลุ่มประเทศอาเซียนได้คุยกันว่าเป็นประเทศที่ต้องการการเติบโตทางเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้นจะต้องรวมกันเป็นหนึ่งเพื่อพูดคุยกับประเทศที่เจริญแล้ว ว่าจำเป็นต้องเติบโต จึงขออย่ากีดกันทางการค้ากับไทยและอาเซียน
การเจรจาของทีมไทยแลนด์ ควรต้องคุยภายในประเทศ แต่เมื่อไปเจรจาไม่ต้องไปเยอะ หรือคุยกันให้ตกผลึกทางความคิดแล้วค่อยไปต่อรอง ผมให้จ้าหน้าที่ไปคุยก่อน แต่ถ้ามีจังหวะก็จะเดินทางไปคุยกับประธานาธิบดี
นอกจากนี้ นายทักษิณ ยังกล่าวอีกว่า ได้โอกาสการพูดคุยกับพลเอกอาวุโสมิน อ่องหล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารของเมียนมา ในห้วงการประชุมสุดยอดผู้นำ BIMSTEC เมื่อต้นเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา เพราะอยากเห็นสันติสุขเกิดขึ้นในเมียนมา และได้บอกกับทุกประเทศมหาอำนาจว่า ประเทศไทยอยากเห็นเมียนมายุติความขัดแย้ง และจำเป็นต้องเปิดเวทีเพื่อพูดคุย ซึ่ง ผู้นำรัฐบาลทหารของเมียนมา ยอมรับฟังน่าก็จะมีการพูดคุยกันอีกในหลายรอบ
อ่านข่าว:
"ทรัมป์" ยกเว้นรีดภาษีสมาร์ตโฟน-คอมพิวเตอร์-อิเล็กทรอนิกส์
“สงครามการค้า” ฉุดเศรษฐกิจโลก ดัน ดัชนีเชื่อมั่นฯทองคำ ไตรมาส 2 พุ่ง 18.99%
ทรัมป์เจอทางตัน ? เดิมพันแห่งศักดิ์ศรี จีนลุยเจรจายุโรป-อาเซียน











