ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ฤาจะถึงคราเสน่ห์ "เที่ยวไทย" สิ้นมนต์ขลัง ในสายตานักท่องเที่ยวจีน

เศรษฐกิจ
3 พ.ค. 68
10:25
645
Logo Thai PBS
ฤาจะถึงคราเสน่ห์ "เที่ยวไทย" สิ้นมนต์ขลัง ในสายตานักท่องเที่ยวจีน

แม้จะประสบความสำเร็จจาก "สงกรานต์ 2568" โดยเฉพาะงาน Maha Songkran World Water Festival 2025 ที่จัดขึ้นที่บริเวณท้องสนามหลวงตลอด 5 วัน มีผู้เข้าร่วมกว่า 1.1 ล้านคน ทำเงินสะพรัดกว่า 4,097.17 ล้านบาท ถือเป็นความสำเร็จในการนำเสนอเสน่ห์ แห่งซอฟพาวเวอร์ไทย สู่เทศกาลระดับโลก

ยังไม่รวมการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ทั่วประเทศ ทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ สร้างรายได้รวมทางการท่องเที่ยว 28,723 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17 %

ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ถือว่าเป็น 1 ในเครื่องยนต์หลัก ที่ผลักดันเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัว แต่ดูเหมือนว่า หลังจากไตรมาสแรกผ่านพ้น กลับพบว่า กลุ่มนักท่องเที่ยวหลัก อย่าง จีน กลับลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดเหตุการณ์ลักพาตัวนักแสดงชาวจีนในพื้นที่ชายแดนไทย ส่งผลต่อความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ขณะที่รัฐบาลจีนเริ่มใช้นโยบายกระตุ้นการท้องเที่ยวภายในประเทศเพื่อดึงเม็ดเงินกลับ เมื่อเศรษฐกิจในประเทศยังไม่ฟื้นจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก

กระทรวงการท่องเที่ยวฯ รายงาน สถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางเข้าไทยล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-20 เม.ย. 2568 พบมีจำนวนสะสม 11,272,379 คน เพิ่มขึ้น 0.52% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยตลาด 5 อันดับแรกที่เดินทางเข้าไทยสูงสุด อันดับ 1 ยังคงเป็นตลาดจีน จำนวนสะสม 1,524,697 คน อันดับ 2 มาเลเซีย 1,401,169 คน อันดับ 3 รัสเซีย 835,385 คน อันดับ 4 อินเดีย 677,793 คน และอันดับ 5 เกาหลีใต้ 549,982 คน

เที่ยวในประเทศ-เจาะตลาด Luxury หวังเพิ่มรายได้ 20%

นางสาวนัทริยา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า แม้ว่ายอดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เห็นว่าลดลง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง แต่เมื่อไปดูยอดรายได้เทียบกับปีที่แล้วกลับสูงขึ้นเกือบ 10% และกลุ่ม High Spending และพำนักระยะยาวเดินทางท่องเที่ยวสูงขึ้น โดยเฉพาะในตลาดยุโรปตลาดอาหรับและกลุ่มตลาดอินเดีย ซึ่ง 3 เดือนที่ผ่านมามีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ สูงถึงเกือบ 600 ,000 ล้านบาท

นางสาวนัทริยา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

นางสาวนัทริยา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

นางสาวนัทริยา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

ดังนั้นในระยะเวลาที่เหลือจนถึงสิ้นปีมั่นใจว่าจะสามารถทำยอดรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติได้บรรลุเป้า 2.2 ล้านล้านบาท ด้วยการเดินเครื่องจักรการ ท่องเที่ยวอย่างเติมสูบ

แม้ว่าการท่องเที่ยวไทยที่หลายภาคส่วนมีความกังวลที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง กระทรวงฯ และ ททท. ได้ปรับกลยุทธ์สอดรับกับสถานการณ์การของโลก การแข่งขันด้านการท่องเที่ยว ซึ่งรัฐบาลจะมุ่งเน้นมูลค่าสร้างรายได้หลักให้กับประเทศ เน้นเจาะทุกกลุ่มตลาด โดยเฉพาะตลาด Luxury และตลาดคุณภาพมากขึ้น

ส่วนเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ถือเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลไม่ได้ละเลย โดยได้ขันนอตหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ ความปลอดภัยนักท่องเที่ยวทั้งฝ่ายความมั่นคงและพลเรือน ดูแลชีวิตและทรัพย์สินพร้อมทั้งมาตรฐานสินค้าและบริการให้คุ้มค่า ที่นักท่องเที่ยวต้องจ่าย

ขณะนี้รัฐบาลมุ่งหน้ายก ระดับการท่องเที่ยวชุมชน ตั้งมาตรฐานตามหลักสากล และเข้าไปช่วยให้ชุมชนได้รับใบรับรองมาตรฐานซึ่งจะสามารถนำไป โปรโมท ในช่องทางสากลได้ เพื่อให้ชุมชนสามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

โดยมีการติดตามแนวทางการดำเนินงานกระตุ้นการตลาด ของกลุ่มจังหวัดทท่องเที่ยง เช่น นครพนม มุกดาหาร สกลนคร และหนองคาย เพื่อยกระดับศักยภาพของท้องถิ่นเพื่อ เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว นำเสนอสินค้าที่เป็นจุดขายของ พื้นที่ งานประเพณี เทศกาลต่างๆ ที่เชื่อมต่อระหว่างจังหวัด การท่องเที่ยวสายศรัทธา ส่งเสริมการท่องเที่ยวฤดูฝน

ท่องเที่ยวถือเป็นเครื่องจักรตัวสุดท้ายในการสร้างรายได้ นำเงินจากต่างชาติเข้าไทย สิ่งที่น่ากลัวและน่ากังวลไม่ต่างจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง คือการต่อสู้กับ ญี่ปุ่น และเวียดนามยังไม่ได้ ยิ่งรัฐบาลจีนมีนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างประเทศจากทั่วโลกเข้าไปเที่ยวในจีนเพิ่มขึ้นเป็นสิ่งที่ไทยต้องหามาตรการรับมือเร่งด่วน

"เที่ยวคนละครึ่ง" กระตุ้นเที่ยวไทย-คู่ขนานลูกค้าต่างแดน

สำหรับโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ที่รัฐบาลจะสนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยวในไทย โดยรัฐบาลสมทบให้อัตรา 50% ประชาชนจ่ายเอง 50% ซึ่งเงื่อนไขอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะสมทบในส่วนของรัฐบาลที่อัตราเท่าใดแน่ และแบ่งเงื่อนไขอย่างไรเพิ่มเติมหรือไม่ นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท.ส่งรายละเอียดให้พิจารณาทั้งหมดแล้ว จากนั้นจึงนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้พิจารณาส่วนจะทันเดือนพ.ค.นี้หรือไม่ ต้องดูวาระงานอีกครั้ง

ททท. ยังคงเดินหน้าทำตลาดจีนอย่างต่อเนื่องควบคู่กับตลาดอื่นที่มีศักยภาพสูง เช่น ยุโรป หรือตลาดระยะไกลที่ตัวเลขเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยสำคัญ

ทั้งนี้ ไตรมาส 1 (ม.ค.-มี.ค.2568) มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสม 9.55 ล้านคน เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อนคิดเป็นสัดส่วนการฟื้นตัว 88% เทียบกับปี 2562 ก่อนโควิด-19ระบาด สร้างรายได้ 471,875 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากปีที่แล้ว คิดเป็นสัดส่วนการฟื้นตัว 91% เทียบกับปี 2562 ตลาดหลักจากจีน ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลีใต้ และเวียดนาม พบว่าในไตรมาส 1 เดินทางเข้าไทยลดลง 17% จากประเด็นอ่อนไหวความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย

ขณะที่ตลาดนักท่องเที่ยวไทย มีจำนวน 50.1 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 3% สร้างรายได้ 269,870 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% สร้างรายได้รวมจากทั้งตลาดในและต่างประเทศ 741,745 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6%

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท.

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท.

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท.

ททท.รับ "นักท่องเที่ยวจีน" ยอดลดเหลือแค่หลักพัน

สำหรับแนวโน้มสถานการณ์ท่องเที่ยวไทยช่วง ไตรมาส 2 (เม.ย.-มิ.ย.) ของปีนี้ คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 8.37 ล้านคน เพิ่มขึ้น 3% เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว สร้างรายได้ 390,420 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% ส่วนนักท่องเที่ยวไทยคาดมีจำนวน 51.84 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 2% สร้างรายได้ 304,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% รวมสร้างรายได้จากทั้งตลาดในและต่างประเทศ 694,720 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6%

รายงานสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติ ชี้ให้เห็นด้วยว่าตลาด นักท่องเที่ยวจีน เดินทางเข้าไทย “ทำสถิติต่ำสุด” ที่จำนวน 5,833 คนต่อวัน เมื่อวันที่ 16 เม.ย. จากค่าเฉลี่ย 15,000-20,000 คนต่อวัน แม้ว่าการเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาต่อวันเพิ่มขึ้นเป็น 16,000 คน เมื่อวันที่ 11 เม.ย. แต่แนวโน้มก็ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2568 ยังได้รับแรงสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชนที่ยังขยายตัวดี คาดว่าจะขยายตัว3.2 % ต่อปี (ช่วงคาดการณ์2.7-3.7%) ตามกำลังซื้อในประเทศและรายได้ภาคท่องเที่ยว ที่ฟื้นตัว น่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาในประเทศไทยจำนวน 36.5 ล้านคน ขยายตัว2.7% ต่อปี การลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะขยายตัว0.4% ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ -0.1 - 0.9%)

สำหรับการบริโภคภาครัฐคาดว่าจะขยายตัว 1.2% ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ 0.7 - 1.7%) และการลงทุนภาครัฐขยายตัว2.8 % ต่อปี (ช่วงคาดการณ์2.3-3.3% ) จากการเบิกจ่ายงบประมาณอย่างต่อเนื่อง และการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานที่จะมีการเร่งรัดเบิกจ่ายในช่วงไตรมาสที่ 3 – 4 ของปีงบประมาณ 2568 ต่อเนื่องไปยังไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณ 2569ด้านเสถียรภาพภายในประเทศอยู่ในระดับมั่นคง

ล่าสุด ททท. เปิดงาน Arabian Travel Market (ATM) 2025 เป็นงานส่งเสริมการขายด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูงและมีศักยภาพสำหรับการท่องเที่ยวไทยเป็นอย่างมาก นำเสนอสินค้าบริการทางการท่องเที่ยวที่หลากหลายและมุ่งตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลาง โดยเฉพาะกลุ่ม Wellness ที่ไทยมีความมุ่งมั่นที่จะเป็น Medical และ Wellness Hub ระดับโลก รวมถึงกลุ่ม Luxury, Family, Halal-friendly Tourism ควบคู่กับการนำเสนออัตลักษณ์เสน่ห์ไทยที่มีความหรูหรา

สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางถือเป็นตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีความสำคัญและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ 1 มกราคม – 22 เมษายน ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางเดินทางมาท่องเที่ยวยังประเทศไทย 162,790 คน โดยตลาดนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา พฤติกรรมนักท่องเที่ยวตะวันออกกลางมีวันพำนักค่อนข้างนานเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 13.6 วัน และมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยประมาณ 90,000 บาทต่อทริป

ส่วนใหญ่ยังคงเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทยเป็นครั้งแรก จึงมีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก โดยมีความชื่นชอบอาหารไทย ท่องเที่ยวชายหาด กิจกรรม Wellness แสงสียามค่ำคืน และแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ทั้งนี้ ททท. ตั้งเป้าหมายว่าตลอดปี 2568 นี้ จะมีนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางและแอฟริกาเดินทางมาท่องเที่ยวไทย 1.1 ล้านคน และสร้างรายได้กว่า 98,000 ล้านบาท

เศรษฐกิจโลกชะลอตัว กระทบ"นักท่องเที่ยว" ใช้จ่าย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เคยวิเคราะห์ว่า ปี 2568 ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยยังเติบโตต่อเนื่อง จากมาตรการวีซ่าฟรีที่เอื้อให้การเดินทางมีความสะดวก การแข่งขันในธุรกิจการบินที่ทำให้ราคาตั๋วโดยสารเครื่องบินมีแนวโน้มทรงตัว หลังจากในปี 2567 สายการบินต้นทุนต่ำมีการขยายเส้นทางมาไทยซึ่งช่วยให้การเดินทางถูกลง รวมถึงการทำตลาดกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐและเอกชน

จากข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่า ระหว่างวันที่ 1-12 ม.ค. 2568 นักท่องเที่ยวต่างชาติมีจำนวน 1.32 ล้านคน เติบโต 19.9%

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดจำนวนนักท่องเที่ยวปี2568 อาจอยู่ที่ 37.5 ล้านคน เมื่อเทียบกับฐานที่สูงในปีก่อน อัตราการเติบโตของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติจะชะลอลงมาที่ 5.6% จากที่เติบโต 26.3% ในปี 2567 จาก 4 ปัจจัยสำคัญ คือ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลกและปัญหาภูมิศาสตร์การเมือง ซึ่งมีผลต่อกำลังซื้อและการตัดสินใจเดินทางของนักท่องเที่ยว ทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจโลกยังมีปัจจัยเสี่ยงจากนโยบายเศรษฐกิจและการค้าของสหรัฐฯ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงในตะวันออกกลางที่ยังไม่ยุติ ปัจจัยเหล่านี้มีอิทธิพลต่อความต้องการด้านการท่องเที่ยว

"วีซาฟรี-มาตรการความปลอดภัย"ดึงนักท่องเที่ยวกลับคืน

เทรนด์นักท่องเที่ยวสนใจไปท่องเที่ยวในจุดหมายปลายทางใหม่ๆ ขณะที่การแข่งขันดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติของแต่ละประเทศสูงขึ้น จากการที่หลายประเทศต่างก็ชูภาคการท่องเที่ยวในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างมาตรการวีซาฟรี จึงเป็นโจทย์ที่ท้าทายต่อความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของไทย สะท้อนจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในหลายประเทศในเอเชียที่ฟื้นตัวดีโดยเฉพาะญี่ปุ่น

ภาพลักษณ์ความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวและคุณภาพการบริการท่องเที่ยวจากกรณีที่เกิดขึ้นกับนักแสดงจีนในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทำให้นักท่องเที่ยวจีนมีการยกเลิกการเดินทางมาเที่ยวไทย เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยในช่วงต้นปีไม่เป็นไปตามคาดและสร้างความเสี่ยงต่อตลาดอื่นได้เช่นกัน

ทั้งนี้ ประเด็นนี้ก็ครอบคลุมถึงปัญหาความปลอดภัยในการท่องเที่ยวทางน้ำที่พบอุบัติเหตุต่อเนื่อง ซึ่งหากแก้ไขได้ก็จะส่งผลดีต่อตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทิศทางค่าเงินมีความผันผวนซึ่งอาจเป็นได้ทั้งปัจจัยบวกและปัจจัยกระทบตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในปี 2568 แม้ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในทิศทางอ่อนค่า ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย แต่ยังต้องพิจารณาเปรียบเทียบทิศทางค่าเงินในแต่ละตลาดกับค่าเงินจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวอื่นด้วยเช่นกัน

3 จังหวัดท่องเที่ยว "กรุงเทพฯ ภูเก็ต ชลบุรี"ยังฮอต

โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติ 5 อันดับแรกยังไม่เปลี่ยนแปลงจากปีที่ผ่านมา โดยนักท่องเที่ยวจีนยังครองอันดับ 1 รองลงมาคือ มาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ และรัสเซีย แต่การขับเคลื่อนการเติบโตยังมาจากนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคยุโรปเป็นหลัก ส่วนหนึ่งเป็นผลจากสายการบินยุโรปมีการขยายเส้นทางการบินตรง และเพิ่มความถี่เที่ยวบินระหว่างไทยและประเทศในยุโรป

ขณะที่ รายได้ท่องเที่ยวจากชาวต่างชาติกระจายสู่ภาคธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องในปี 2568 คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.78 ล้านล้านบาท ขยายตัว 6.5% จากปี 2567 (รูปที่ 4) สำหรับการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนต่อทริปคาดอยู่ที่ประมาณ 47,400 บาทต่อคนต่อทริป เพิ่มขึ้นประมาณ 0.8% จากปี 2567 แต่เมื่อเทียบกับปี 2562 จะยังหดตัวเล็กน้อยที่ 1.0% เมื่อพิจารณาการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติกระจายลงไปในแต่ละประเภทธุรกิจและพื้นที่ท่องเที่ยว พบว่า การฟื้นตัวยังไม่ทั่วถึง

ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อทริปของนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 1 ใน 3 เป็นค่าใช้จ่ายด้านโรงแรมและที่พัก เทรนด์ค่าใช้จ่ายด้านที่พักมีทิศทางเพิ่มขึ้นจากราคาที่พักที่ปรับตัวสูงขึ้นตามต้นทุนการให้บริการ (ปี 2567 ค่าเฉลี่ยห้องพักเพิ่มขึ้นกว่า 30% จากปี 2562

ขณะที่ ค่าใช้จ่ายอย่างสินค้าของที่ระลึก กิจกรรมสันทนาการและสถานที่ท่องเที่ยวแม้จะเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา แต่ค่าใช้จ่ายยังต่ำกว่าปี 2562 ปัจจัยสำคัญมาจากพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป

ทั้งนี้รายได้การท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 80% อยู่ในเมืองท่องเที่ยวหลัก 3 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต และชลบุรี ซึ่งสอดคล้องไปการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติในไทยกว่า 70% กระจุกตัวอยู่ที่เมืองท่องเที่ยวหลัก 3 จังหวัด

นับจากนี้ต้องติดตามนโยบายของรัฐบาล กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีมาตรการใดจูงใจนักท่องเที่ยว ให้ย้อนกลับมาเที่ยวไทย และกระตุ้นวิถี "ไทยเที่ยวไทย"ชวนคนไทยออกมาเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ก่อนเครื่องยนต์จะดับลงไป

 อ่านข่าว:

สศค. หั่น GDP ไทย โต 2.1% ปัจจัยเสี่ยงภาษีทรัมป์-เศรษฐกิจโลกชะลอ

เอกชน ถก รัฐ ดันเกษตรไทย ฝ่าวิกฤตสงครามการค้า เสนอ 8 ทางออกเร่งด่วน

"สงครามการค้า 2 มหาอำนาจ" ฟาดฟัน "ไทย" ดันสินค้าเข้าแทรก? 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง