ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1 บาทต่อลิตร ตามกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 42) พ.ศ.2568 กรมสรรพสามิตขอยืนยันว่า การปรับอัตราภาษีน้ำมันครั้งนี้ ไม่ส่งผลกระทบต่อราคา ขายปลีกน้ำมัน จึงไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชน
วันนี้ (8 พ.ค.2568) น.ส.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า กรมสรรพสามิตได้เสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบการปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซิน 1 บาทต่อลิตร โดยในขณะเดียวกัน ก็ได้มีการพิจารณาปรับลดเงินนำส่งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลง เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกในปัจจุบันที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สถานะของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเป็นการปรับความสมดุลระหว่างการจัดเก็บรายได้ภาษีของรัฐและเงินของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้เหมาะสม
น.ส.กุลยา กล่าวย้ำว่า กรมสรรพสามิตขอยืนยันว่า การปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันดีเซลและเบนซินในครั้งนี้ ไม่ส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันและ ไม่ก่อให้เกิดภาระค่าครองชีพของประชาชนแต่อย่างใด
ขณะที่นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ให้สัมภาษณ์ว่าการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันครั้งนี้ไม่กระทบต่อราคาน้ำมันใดๆ ทั้งสิ้น เป็นเพียงกลไกภายในของรัฐบาลในการปรับสมดุลรายรับเท่านั้น เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงการคลังและกระทรวงพลังงาน การปรับภาษีสรรพสามิตครั้งนี้จะถูกชดเชยโดยการลดเงินนำส่งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในอัตราที่เท่ากัน
เพราะฉะนั้น ผลต่อราคาน้ำมันจึงเป็นศูนย์ น้ำมันราคาเท่าเดิม
อ่านข่าว :
นายกฯ สั่ง พณ. เร่งแก้สินค้าเกษตร หวั่นล้นตลาด ราคาดิ่ง
กกร.หั่น GDP ไทยเหลือ 2-2.2 % ผลพวงภาษีทรัมป์-เศรษฐกิจโลกไม่ฟื้น