แต่ผลสอบไปไม่ถึงนายทักษิณ แม้จะมีการยื่นร้องแพทยสภาจากหลายคนก็ตาม
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า จะมีผลกระทบต่อนายทักษิณอย่างเลี่ยงไม่พ้น เมื่อผลปรากฎชัดว่าข้อมูลไม่ตรงข้อเท็จจริง นายทักษิณไม้ได้ป่วยหนักถึงขั้น “ภาวะวิกฤติ” อย่างที่อ้างจริง
สะท้อนนัยแพทย์ผู้สั่งย้ายผู้ป่วยจากราชทัณฑ์ก็ดี หรือแพทย์ที่ออกเอกสารเป็นผู้ป่วยวิกฤติเป็นอันตรายต่อชีวิตต้องอยู่ใกล้ชิดแพทย์ก็ดี ย่อมเจอกับแรงกดดันหรืออาจโดน “มือที่มองไม่เห็น” เข้ามาแทรกแซงสั่งการ
ความจริงเรื่องเรื่องนี้เป็นเค้าลางมาให้เห็น ตั้งแต่ไม่ยอมเปิดเผยชื่อแพทย์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งแพทย์ที่รักษา หรือแม้การผ่าตัดเพื่อรักษาอาการป่วยโรคอะไร ตั้งแต่แรก รวมทั้งข้ออ้างเป็น “ความลับ” ของผู้ป่วย ให้ไม่ได้แม้แต่เวชระเบียนผู้ป่วย ที่เป็นบันทึกอาการและการรักษาของแพทย์ตั้งแต่เข้า รพ.
และทั้งที่ผู้ป่วยเป็น “นักโทษ” ต้องคดีจำคุกตามคำพิพากษาของศาล ที่ต้องถูกตัดสิทธิเสรีภาพ แตกต่างไปจากผู้คนทั่วไปที่ไม่ได้ทำผิดต้องโทษ
ปมปริศนาที่อยู่เบื้องหลังการกระทำของแพทย์ทั้ง 3 คนนี้ คือสิ่งที่ควรสร้างความกระจ่างให้เกิดขึ้น เพิ่มเติมจากเรื่องจรรยาบรรณแพทย์ที่มักถูกอ้างถึง
ต้องไม่ลืมว่า ยังจะเป็นปัจจัยพิสูจน์ข้อกังขา “ความเหลื่อมล้ำ” แม้แต่ในกลุ่มนักโทษด้วยกันเอง รวมทั้งความเท่าเทียมเรื่องการรักษาพยาบาล ที่เป็นประเด็นค้างคาใจมานาน
วันเดียวกัน นายทักษิณยังถูกปฏิเสธจากศาล เรื่องขอเดินทางออกนอกประเทศ ไปร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำที่กาตาร์ ซึ่งจัดเป็นเกียรติแก่โดนัลด์ ทรัมป์ ด้วยข้ออ้างว่า หากมีโอกาสจะได้เจรจากับผู้นำสหรัฐอเมริกา เรื่องกำแพงภาษีการค้า โดยศาลเห็นว่า เป็นการเชิญส่วนตัว
ถือเป็นการโดนศาลปฏิเสธซ้ำซากหลายครั้งต่อเนื่องของนายทักษิณ หลังจากเคยได้รับอนุญาตจากศาลให้เดินทางไปประชุมที่มาเลเซีย ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน นายอันสาร์ อิบราฮิม เมื่อต้นเดือนก.พ.2568
แต่ไม่อนุญาตคำขอเดินทางไปเวียดนามและกัมพูชา รวมทั้งอินโดนีเซีย ช่วงเดือน ก.พ.และ มี.ค.ที่ผ่านมา ด้วยขาดเหตุผลที่เพียงพอ
ยังไม่นับเคยขอเดินทางไปดูไบ อ้างเพื่อพบแพทย์และรักษาอาการป่วยหลายโรคที่เคยรักษาเมื่อครั้งลี้ภัยไปอยู่ดูไบ โดยศาลเห็นว่า แพทย์ไทยได้ทำการรักษาให้อยู่แล้ว
ทำให้หมดโอกาสได้ไปเจอทรัมป์ แสดงฝีมือ ตามที่เคยกล่าวอ้างว่าหากมีจังหวะและเวลาสามารถเจรจาได้ ไม่มีอะไรน่ากังวล
ไม่ต่างจากเรื่องสหรัฐประกาศงดวีซ่าเจ้าหน้าที่ไทย ตอบโต้ปมส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน นายทักษิณชี้ชัดว่าเป็นเพราะจีนไม่มีข้อมูลที่อัพเดท สามารถเจรจาทำความเข้าใจได้
ถึงขั้นใช้คำพูดว่า “หากผมไม่ตกใจ (คนไทย) ก็อย่าไปตกใจ”
แต่จนแล้วจนรอดถึงทุกวันนี้ ก็ยังไม่มีอะไรแน่ชัดว่า คณะของไทยจะได้เจรจาเรื่องกำแพงภาษีการค้ากับสหรัฐเมื่อใด และแนวโน้มที่ออกมา จะเป็นอย่างไร
เป็นเสมือนตั้งท่าเงื้อง่าราคาแพง ชกลมวืดวาดอยู่ฝ่ายเดียวเสียมากกว่า
ท่ามกลางมรสุมที่รุมเร้ารอบด้าน เฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ยังมีปัญหาร่างกฎหมายกาสิโนที่รัฐบาลย้ำให้เรียกชื่อเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นทางเดียวที่หวังจะหารายได้เข้าประทศมหาศาลนั้น ภาคส่วนต่าง ๆ ก็ไม่เอา พรรคร่วมรัฐบาล ทั้งประชาชาติและภูมิใจไทย ได้แสดงจุดยืนไม่รับ
ปัญหาราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ ยังแก้ไม่ตก กระทั่งผลโพลชี้ชัด ให้ปรับรัฐมนตรีพาณิชย์และครม.เศรษฐกิจ ขณะที่ “เงินหมื่น” เฟส 3 ยังไม่รู้จะออกหัวหรือก้อย
แต่คนที่ไม่มีตำแหน่งใด ๆ ในรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย อย่างนายทักษิณยังแสดงความมั่นใจในเรื่องที่ไม่มีอะไรรับประกันว่า จะเป็นจริงได้
ต่างจากคำสอนของพระพุทธศาสนา ไม่มีอะไรอยู่ยั้งยืนยง มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ดังโลกธรรม 8 มียศเสื่อมยศ มีลาภเสื่อมลาภ มีสรรเสริญ มีนินทา มีสุข มีทุกข์
แม้แต่อำนาจและบารมีของนายทักษิณที่เคยมีมานาน ก็ไม่มีข้อยกเว้น
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : "สมศักดิ์" รอพิจารณามติแพทยสภา - "เสรีพิศุทธ์" ซัดทักษิณไม่ได้ป่วยจริง