เมื่อวันที่ 14 พ.ค.2568 The Economics Time รายงาน ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศรับเครื่องบินโบอิง 747-8 มูลค่า 400 ล้านดอลลาร์จากราชวงศ์กาตาร์ โดยระบุว่าจะใช้เป็นเครื่องบินประจำตำแหน่ง Air Force One ชั่วคราว จนกว่าโบอิงจะส่งมอบเครื่องบินรุ่นใหม่ที่ล่าช้ามานาน
ปธน.สหรัฐฯ โพสต์บนแพลตฟอร์ม Truth Social เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (11 พ.ค.2568) ว่าเครื่องบินนี้มอบให้กองทัพอากาศสหรัฐฯ และกระทรวงกลาโหม ไม่ใช่ของตัวเขาเอง และเป็นของขวัญจากกาตาร์ ซึ่งสหรัฐฯ ช่วยปกป้องมานานหลายปี ทรัมป์ย้ำว่า การรับของขวัญนี้ช่วยประหยัดเงินภาษีประชาชนนับร้อยล้านดอลลาร์ ซึ่งเขาสามารถจะนำเงินที่ถุูกประหยัดนี้ไปใช้ในนโยบาย "ทำให้อเมริกายิ่งใหญ่ Make Amwrica Great Again" พร้อมชี้ว่า "มีแต่คนโง่" เท่านั้นที่จะปฏิเสธของขวัญนี้
ทำไมกองทัพของเรา และแน่นอนว่าผู้เสียภาษีชาวอเมริกัน ต้องจ่ายเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์ ทั้งที่เราสามารถได้มันมาฟรี ๆ จากประเทศที่อยากจะตอบแทนเราในสิ่งที่เราทำได้อย่างยอดเยี่ยม เงินจำนวนมหาศาลที่ประหยัดได้ จะถูกนำไปใช้เพื่อ ทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง! มีแต่คนโง่เท่านั้น ที่จะไม่รับของขวัญชิ้นนี้แทนประเทศของเรา ขอบคุณสำหรับความสนใจในเรื่องสำคัญนี้!
เครื่องบินลำนี้ได้รับการออกแบบอย่างหรูหราโดยบริษัทฝรั่งเศส Alberto Pinto มีห้องนอนใหญ่ ห้องสวีทสำหรับแขก ห้องน้ำ 2 ห้อง เลานจ์ 5 ห้อง สำนักงานส่วนตัว และครัว 5 ห้อง ทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับฌอน แฮนนิตี พิธีกร Fox News ขณะเดินทางไปซาอุดีอาระเบียเมื่อวันจันทร์ (12 พ.ค.) ว่า
Air Force One ปัจจุบัน ซึ่งเป็นโบอิง 747-200B ที่ใช้งานมาตั้งแต่ปี 2533 "ล้าสมัย เล็กกว่า น่าประทับใจน้อยกว่า" เมื่อเทียบกับเครื่องบินใหม่ของชาติอย่างซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และกาตาร์ ทรัมป์กล่าวว่า สหรัฐฯ ในฐานะชาติผู้นำโลก ควรมีเครื่องบินที่ "น่าประทับใจที่สุด" และการรับเครื่องบินจากกาตาร์เป็น "ท่าทีที่ดี" ที่เขาไม่อาจปฏิเสธ
ทรัมป์ยังระบุว่า เครื่องบินลำนี้จะถูกใช้ชั่วคราวจนกว่าโบอิงจะส่งมอบ Air Force One รุ่นใหม่ ซึ่งคาดว่าจะล่าช้าถึงปี 2570 หลังจากนั้น เครื่องบินอาจถูกโอนไปยังมูลนิธิหอสมุดประธานาธิบดีของเขา (Donald J. Trump Presidential Library Fund Inc.) เมื่อพ้นตำแหน่ง
ทรัมป์กล่าวกับสื่อที่ทำเนียบขาวว่า "ถ้าผมไม่รับของขวัญนี้ ผมคงเป็นคนโง่" และแสดงความงุนงงต่อเสียงวิจารณ์ โดยระบุว่า สหรัฐฯ มอบความช่วยเหลือให้ชาติอื่นมากมาย แล้วทำไมจะรับของขวัญจากพันธมิตรไม่ได้

หลายฝ่ายค้าน กังวลความปลอดภัย-ความมั่นคง
การตัดสินใจของทรัมป์จุดกระแสวิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะจากหน่วยข่าวกรองและหน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐฯ ที่มองว่าการรับเครื่องบินจากต่างชาติเป็น "ฝันร้ายด้านความปลอดภัย" แหล่งข่าวจากหน่วยสืบราชการลับระบุว่า เครื่องบินต้องถูกตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อหาอุปกรณ์ดักฟังและประเมินความสมบูรณ์ของโครงสร้าง ซึ่งอาจใช้เวลาหลายเดือนถึง 2 ปี และต้องติดตั้งระบบสื่อสารที่ปลอดภัย ระบบป้องกัน และความสามารถในการป้องกันการโจมตีด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า รวมถึงการปรับปรุงให้สามารถเติมน้ำมันกลางอากาศได้ เพื่อให้ประธานาธิบดีสามารถควบคุมกองทัพในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น การโจมตีด้วยนิวเคลียร์
สมาชิกวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกัน เช่น ริก สกอตต์ คัดค้านโดยระบุว่า "ผมไม่ขึ้นเครื่องบินกาตาร์ เพราะพวกเขาสนับสนุนฮามาส" และตั้งคำถามถึงความปลอดภัย จอช ฮอว์ลีย์ เห็นว่าควรใช้เครื่องบินที่ผลิตในสหรัฐฯ เพื่อความภาคภูมิใจและความมั่นคง ขณะที่ ซูซาน คอลลินส์ ชี้ว่า การรับของขวัญนี้อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ในหมวดที่ห้ามเจ้าหน้าที่รับของขวัญจากต่างชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตจากสภาคองเกรส เท็ด ครูซ ยังเตือนว่าเครื่องบินนี้อาจเป็น "ม้าโทรจันยุคใหม่" ที่เสี่ยงต่อการจารกรรมและการสอดแนม
ฝ่ายเดโมแครต เช่น ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภา ออกมาคัดค้านและขัดขวางการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรม จนกว่าจะได้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องบินลำนี้ แจ็ค รีด จากคณะกรรมาธิการกองทัพ ระบุว่าการรับเครื่องบินนี้อาจเปิดช่องให้ต่างชาติเข้าถึงระบบสื่อสารที่อ่อนไหว ซึ่งเป็นความเสี่ยงด้านการต่อต้านข่าวกรองอย่างมหาศาล
โฆษกทำเนียบขาว คาโรลีน ลีวิทต์ ระบุว่า รายละเอียดทางกฎหมายเกี่ยวกับการรับเครื่องบินยังอยู่ในขั้นตอนพิจารณา และยืนยันว่าทุกการบริจาคให้รัฐบาลจะเป็นไปตามกฎหมาย ลีวิทต์ปฏิเสธข้อกังวลว่ากาตาร์อาจเรียกร้องผลประโยชน์ตอบแทน โดยย้ำว่าทรัมป์ทำงานเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนอเมริกันเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่าการปรับปรุงเครื่องบินให้ได้มาตรฐาน Air Force One อาจมีค่าใช้จ่ายสูงถึงหลายร้อยล้านดอลลาร์ หรือบางแหล่งระบุว่าอาจสูงถึง 3 เท่าของมูลค่าเครื่องบิน ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 250-400 ล้านดอลลาร์
การปรับปรุงต้องครอบคลุมการติดตั้งระบบสื่อสารที่ปลอดภัย ระบบป้องกันภัย และความสามารถในการปฏิบัติการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งต้องใช้ความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน เช่น หน่วยสืบราชการลับ ซีไอเอ เอ็นเอสเอ และหน่วยสื่อสารของทำเนียบขาว อดีตเจ้าหน้าที่ทหารอาวุโสระบุว่า กระบวนการนี้อาจใช้เวลานานและมีความซับซ้อนเกินกว่าที่ทำเนียบขาวคาดไว้ โดยเฉพาะหากต้องการให้เครื่องบินพร้อมสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น การโจมตีด้วยนิวเคลียร์ ซึ่งต้องมีระบบควบคุมกองทัพที่สมบูรณ์

กาตาร์ยันไม่ใช่ของขวัญของทรัมป์ แต่เป็นของสหรัฐฯ
นายกรัฐมนตรีกาตาร์และรัฐมนตรีต่างประเทศ ชีค โมฮัมเหม็ด บิน อับดุลเราะห์มาน บิน จัสซิม อัล-ธานี ปฏิเสธข้อครหาเกี่ยวกับการมอบเครื่องบิน โดยย้ำในการให้สัมภาษณ์กับ CNN เมื่อวันพุธ (14 พ.ค.) ว่านี่เป็นการทำธุรกรรมระหว่างกระทรวงกลาโหมกาตาร์และกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ไม่ใช่ของขวัญส่วนตัวให้ทรัมป์
เรื่องนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาทางกฎหมาย และหากพบว่าไม่ถูกต้องตามกฎหมาย กาตาร์พร้อมถอนข้อเสนอ อัล-ธานีปฏิเสธว่าไม่มีเจตนาซื้ออิทธิพลในสหรัฐฯ โดยชี้ว่า กาตาร์สนับสนุนสหรัฐฯ มาอย่างยาวนาน เช่น ในสงครามต่อต้านการก่อการร้าย การอพยพจากอัฟกานิสถาน และการช่วยปล่อยตัวประกันในหลายประเทศ
อาลี อัล-อันซารี ผู้แทนสื่อของกาตาร์ในสหรัฐฯ ระบุเมื่อวันอาทิตย์ (11 พ.ค.) ว่า การโอนเครื่องบินยังอยู่ระหว่างการพิจารณาระหว่างกระทรวงกลาโหมของทั้ง 2 ฝ่าย และยังไม่มีการตัดสินใจขั้นสุดท้าย พร้อมย้ำว่านี่เป็นธุรกรรมที่โปร่งใส และกาตาร์มองว่าการมอบเครื่องบินเป็นการแสดงไมตรีจิตต่อพันธมิตรสำคัญ อัล-ธานีเสริมว่า หากสหรัฐฯ มีความต้องการที่ถูกต้องตามกฎหมาย กาตาร์พร้อมให้ความช่วยเหลือ โดยไม่มีเงื่อนไขแอบแฝง
การรับเครื่องบินจากกาตาร์อาจเป็นโอกาสสำหรับสหรัฐฯ ในการลดภาระงบประมาณในช่วงที่โครงการ Air Force One รุ่นใหม่ของโบอิงเผชิญปัญหาค่าใช้จ่ายพุ่งสูงถึง 3,900 ล้านดอลลาร์ และขาดทุนไปแล้ว 2,500 ล้านดอลลาร์ การใช้เครื่องบินชั่วคราวอาจช่วยให้ทรัมป์รักษาภาพลักษณ์ผู้นำที่ประหยัดงบประมาณและเจรจาเพื่อผลประโยชน์ของชาติได้ โดยเฉพาะเมื่อเขาเปรียบเทียบ Air Force One รุ่นเก่ากับเครื่องบินทันสมัยของชาติพันธมิตร
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่สำคัญคือความปลอดภัยและจริยธรรม การรับของขวัญมูลค่าสูงจากกาตาร์ ซึ่งบางฝ่ายในสหรัฐฯ วิจารณ์ว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่มฮามาส อาจถูกมองว่าเป็นการเปิดช่องให้ต่างชาติมีอิทธิพลต่อนโยบายสหรัฐฯ การปรับปรุงเครื่องบินให้ได้มาตรฐาน Air Force One อาจใช้เวลาและเงินมากกว่าที่คาด ซึ่งอาจทำให้เป้าหมายประหยัดงบประมาณของทรัมป์ไม่เป็นผล ข้อกังวลด้านกฎหมายเกี่ยวกับหมวดของขวัญในรัฐธรรมนูญยังเป็นอุปสรรค โดยเฉพาะเมื่อสภาคองเกรสต้องให้ความเห็นชอบ ซึ่งอาจกลายเป็นประเด็นขัดแย้งทางการเมือง
สำหรับทรัมป์ การรับเครื่องบินนี้อาจเป็นเครื่องมือสร้างภาพลักษณ์ว่าเขาสามารถเจรจาดีลที่ยิ่งใหญ่ได้ แต่ก็เสี่ยงถูกโจมตีว่าให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์มากกว่าความมั่นคงและจริยธรรม การตัดสินใจครั้งนี้จึงเป็นดาบสองคมที่อาจส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของเขาในระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อทั้งรีพับลิกันและเดโมแครตแสดงความกังวล ขณะที่กาตาร์พยายามรักษาภาพลักษณ์พันธมิตรที่เชื่อถือได้ โดยย้ำว่านี่เป็นการทำธุรกรรมที่โปร่งใสและไม่มีเจตนาแอบแฝง
อนาคตของเครื่องบินลำนี้ยังไม่ชัดเจน ขึ้นอยู่กับผลการพิจารณาทางกฎหมายและความสามารถในการปรับปรุงให้ได้มาตรฐาน แต่ที่แน่นอนคือ ดีลนี้ได้จุดประเด็นถกเถียงครั้งใหญ่ในสหรัฐฯ เกี่ยวกับความสมดุลระหว่างผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคง และจริยธรรมในการบริหารประเทศ
อ่านข่าวอื่น :
กาตาร์-สหรัฐฯ ปิดดีลยักษ์ สายการบินสั่งซื้อโบอิงครั้งประวัติศาสตร์
ปูตินต้อนรับนายกฯ มาเลเซีย ไร้ชื่อร่วมเจรจาสันติภาพยูเครนที่ตุรกี