ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ทรัมป์ย้ำ "คนโง่เท่านั้น" ที่ไม่รับเครื่องบินหรู 400 ล้านจากกาตาร์

ต่างประเทศ
15 พ.ค. 68
10:33
238
Logo Thai PBS
ทรัมป์ย้ำ "คนโง่เท่านั้น" ที่ไม่รับเครื่องบินหรู 400 ล้านจากกาตาร์
อ่านให้ฟัง
11:36อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ทรัมป์ ประกาศรับเครื่องบินมูลค่า 400 ล้านดอลลาร์จากกาตาร์ ย้ำ "มีแต่คนโง่" เท่านั้นที่ไม่รับ เพื่อประหยัดเงินภาษีและทำให้อเมริกายิ่งใหญ่ ท่ามกลางเสียงคัดค้านที่กังวลเรื่องจริยธรรม ความปลอดภัย ด้านกาตาร์ชี้เป็นดีลระหว่างรัฐ ไม่ใช่ของขวัญส่วนตัว

เมื่อวันที่ 14 พ.ค.2568 The Economics Time รายงาน ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศรับเครื่องบินโบอิง 747-8 มูลค่า 400 ล้านดอลลาร์จากราชวงศ์กาตาร์ โดยระบุว่าจะใช้เป็นเครื่องบินประจำตำแหน่ง Air Force One ชั่วคราว จนกว่าโบอิงจะส่งมอบเครื่องบินรุ่นใหม่ที่ล่าช้ามานาน

ปธน.สหรัฐฯ โพสต์บนแพลตฟอร์ม Truth Social เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (11 พ.ค.2568) ว่าเครื่องบินนี้มอบให้กองทัพอากาศสหรัฐฯ และกระทรวงกลาโหม ไม่ใช่ของตัวเขาเอง และเป็นของขวัญจากกาตาร์ ซึ่งสหรัฐฯ ช่วยปกป้องมานานหลายปี ทรัมป์ย้ำว่า การรับของขวัญนี้ช่วยประหยัดเงินภาษีประชาชนนับร้อยล้านดอลลาร์ ซึ่งเขาสามารถจะนำเงินที่ถุูกประหยัดนี้ไปใช้ในนโยบาย "ทำให้อเมริกายิ่งใหญ่ Make Amwrica Great Again" พร้อมชี้ว่า "มีแต่คนโง่" เท่านั้นที่จะปฏิเสธของขวัญนี้

ทำไมกองทัพของเรา และแน่นอนว่าผู้เสียภาษีชาวอเมริกัน ต้องจ่ายเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์ ทั้งที่เราสามารถได้มันมาฟรี ๆ จากประเทศที่อยากจะตอบแทนเราในสิ่งที่เราทำได้อย่างยอดเยี่ยม เงินจำนวนมหาศาลที่ประหยัดได้ จะถูกนำไปใช้เพื่อ ทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง! มีแต่คนโง่เท่านั้น ที่จะไม่รับของขวัญชิ้นนี้แทนประเทศของเรา ขอบคุณสำหรับความสนใจในเรื่องสำคัญนี้!

เครื่องบินลำนี้ได้รับการออกแบบอย่างหรูหราโดยบริษัทฝรั่งเศส Alberto Pinto มีห้องนอนใหญ่ ห้องสวีทสำหรับแขก ห้องน้ำ 2 ห้อง เลานจ์ 5 ห้อง สำนักงานส่วนตัว และครัว 5 ห้อง ทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับฌอน แฮนนิตี พิธีกร Fox News ขณะเดินทางไปซาอุดีอาระเบียเมื่อวันจันทร์ (12 พ.ค.) ว่า

Air Force One ปัจจุบัน ซึ่งเป็นโบอิง 747-200B ที่ใช้งานมาตั้งแต่ปี 2533 "ล้าสมัย เล็กกว่า น่าประทับใจน้อยกว่า" เมื่อเทียบกับเครื่องบินใหม่ของชาติอย่างซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และกาตาร์ ทรัมป์กล่าวว่า สหรัฐฯ ในฐานะชาติผู้นำโลก ควรมีเครื่องบินที่ "น่าประทับใจที่สุด" และการรับเครื่องบินจากกาตาร์เป็น "ท่าทีที่ดี" ที่เขาไม่อาจปฏิเสธ

ทรัมป์ยังระบุว่า เครื่องบินลำนี้จะถูกใช้ชั่วคราวจนกว่าโบอิงจะส่งมอบ Air Force One รุ่นใหม่ ซึ่งคาดว่าจะล่าช้าถึงปี 2570 หลังจากนั้น เครื่องบินอาจถูกโอนไปยังมูลนิธิหอสมุดประธานาธิบดีของเขา (Donald J. Trump Presidential Library Fund Inc.) เมื่อพ้นตำแหน่ง

ทรัมป์กล่าวกับสื่อที่ทำเนียบขาวว่า "ถ้าผมไม่รับของขวัญนี้ ผมคงเป็นคนโง่" และแสดงความงุนงงต่อเสียงวิจารณ์ โดยระบุว่า สหรัฐฯ มอบความช่วยเหลือให้ชาติอื่นมากมาย แล้วทำไมจะรับของขวัญจากพันธมิตรไม่ได้

หลายฝ่ายค้าน กังวลความปลอดภัย-ความมั่นคง

การตัดสินใจของทรัมป์จุดกระแสวิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะจากหน่วยข่าวกรองและหน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐฯ ที่มองว่าการรับเครื่องบินจากต่างชาติเป็น "ฝันร้ายด้านความปลอดภัย" แหล่งข่าวจากหน่วยสืบราชการลับระบุว่า เครื่องบินต้องถูกตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อหาอุปกรณ์ดักฟังและประเมินความสมบูรณ์ของโครงสร้าง ซึ่งอาจใช้เวลาหลายเดือนถึง 2 ปี และต้องติดตั้งระบบสื่อสารที่ปลอดภัย ระบบป้องกัน และความสามารถในการป้องกันการโจมตีด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า รวมถึงการปรับปรุงให้สามารถเติมน้ำมันกลางอากาศได้ เพื่อให้ประธานาธิบดีสามารถควบคุมกองทัพในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น การโจมตีด้วยนิวเคลียร์

สมาชิกวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกัน เช่น ริก สกอตต์ คัดค้านโดยระบุว่า "ผมไม่ขึ้นเครื่องบินกาตาร์ เพราะพวกเขาสนับสนุนฮามาส" และตั้งคำถามถึงความปลอดภัย จอช ฮอว์ลีย์ เห็นว่าควรใช้เครื่องบินที่ผลิตในสหรัฐฯ เพื่อความภาคภูมิใจและความมั่นคง ขณะที่ ซูซาน คอลลินส์ ชี้ว่า การรับของขวัญนี้อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ในหมวดที่ห้ามเจ้าหน้าที่รับของขวัญจากต่างชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตจากสภาคองเกรส เท็ด ครูซ ยังเตือนว่าเครื่องบินนี้อาจเป็น "ม้าโทรจันยุคใหม่" ที่เสี่ยงต่อการจารกรรมและการสอดแนม

ฝ่ายเดโมแครต เช่น ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภา ออกมาคัดค้านและขัดขวางการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรม จนกว่าจะได้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องบินลำนี้ แจ็ค รีด จากคณะกรรมาธิการกองทัพ ระบุว่าการรับเครื่องบินนี้อาจเปิดช่องให้ต่างชาติเข้าถึงระบบสื่อสารที่อ่อนไหว ซึ่งเป็นความเสี่ยงด้านการต่อต้านข่าวกรองอย่างมหาศาล

โฆษกทำเนียบขาว คาโรลีน ลีวิทต์ ระบุว่า รายละเอียดทางกฎหมายเกี่ยวกับการรับเครื่องบินยังอยู่ในขั้นตอนพิจารณา และยืนยันว่าทุกการบริจาคให้รัฐบาลจะเป็นไปตามกฎหมาย ลีวิทต์ปฏิเสธข้อกังวลว่ากาตาร์อาจเรียกร้องผลประโยชน์ตอบแทน โดยย้ำว่าทรัมป์ทำงานเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนอเมริกันเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่าการปรับปรุงเครื่องบินให้ได้มาตรฐาน Air Force One อาจมีค่าใช้จ่ายสูงถึงหลายร้อยล้านดอลลาร์ หรือบางแหล่งระบุว่าอาจสูงถึง 3 เท่าของมูลค่าเครื่องบิน ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 250-400 ล้านดอลลาร์

การปรับปรุงต้องครอบคลุมการติดตั้งระบบสื่อสารที่ปลอดภัย ระบบป้องกันภัย และความสามารถในการปฏิบัติการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งต้องใช้ความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน เช่น หน่วยสืบราชการลับ ซีไอเอ เอ็นเอสเอ และหน่วยสื่อสารของทำเนียบขาว อดีตเจ้าหน้าที่ทหารอาวุโสระบุว่า กระบวนการนี้อาจใช้เวลานานและมีความซับซ้อนเกินกว่าที่ทำเนียบขาวคาดไว้ โดยเฉพาะหากต้องการให้เครื่องบินพร้อมสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น การโจมตีด้วยนิวเคลียร์ ซึ่งต้องมีระบบควบคุมกองทัพที่สมบูรณ์

กาตาร์ยันไม่ใช่ของขวัญของทรัมป์ แต่เป็นของสหรัฐฯ

นายกรัฐมนตรีกาตาร์และรัฐมนตรีต่างประเทศ ชีค โมฮัมเหม็ด บิน อับดุลเราะห์มาน บิน จัสซิม อัล-ธานี ปฏิเสธข้อครหาเกี่ยวกับการมอบเครื่องบิน โดยย้ำในการให้สัมภาษณ์กับ CNN เมื่อวันพุธ (14 พ.ค.) ว่านี่เป็นการทำธุรกรรมระหว่างกระทรวงกลาโหมกาตาร์และกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ไม่ใช่ของขวัญส่วนตัวให้ทรัมป์

เรื่องนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาทางกฎหมาย และหากพบว่าไม่ถูกต้องตามกฎหมาย กาตาร์พร้อมถอนข้อเสนอ อัล-ธานีปฏิเสธว่าไม่มีเจตนาซื้ออิทธิพลในสหรัฐฯ โดยชี้ว่า กาตาร์สนับสนุนสหรัฐฯ มาอย่างยาวนาน เช่น ในสงครามต่อต้านการก่อการร้าย การอพยพจากอัฟกานิสถาน และการช่วยปล่อยตัวประกันในหลายประเทศ

อาลี อัล-อันซารี ผู้แทนสื่อของกาตาร์ในสหรัฐฯ ระบุเมื่อวันอาทิตย์ (11 พ.ค.) ว่า การโอนเครื่องบินยังอยู่ระหว่างการพิจารณาระหว่างกระทรวงกลาโหมของทั้ง 2 ฝ่าย และยังไม่มีการตัดสินใจขั้นสุดท้าย พร้อมย้ำว่านี่เป็นธุรกรรมที่โปร่งใส และกาตาร์มองว่าการมอบเครื่องบินเป็นการแสดงไมตรีจิตต่อพันธมิตรสำคัญ อัล-ธานีเสริมว่า หากสหรัฐฯ มีความต้องการที่ถูกต้องตามกฎหมาย กาตาร์พร้อมให้ความช่วยเหลือ โดยไม่มีเงื่อนไขแอบแฝง

การรับเครื่องบินจากกาตาร์อาจเป็นโอกาสสำหรับสหรัฐฯ ในการลดภาระงบประมาณในช่วงที่โครงการ Air Force One รุ่นใหม่ของโบอิงเผชิญปัญหาค่าใช้จ่ายพุ่งสูงถึง 3,900 ล้านดอลลาร์ และขาดทุนไปแล้ว 2,500 ล้านดอลลาร์ การใช้เครื่องบินชั่วคราวอาจช่วยให้ทรัมป์รักษาภาพลักษณ์ผู้นำที่ประหยัดงบประมาณและเจรจาเพื่อผลประโยชน์ของชาติได้ โดยเฉพาะเมื่อเขาเปรียบเทียบ Air Force One รุ่นเก่ากับเครื่องบินทันสมัยของชาติพันธมิตร

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่สำคัญคือความปลอดภัยและจริยธรรม การรับของขวัญมูลค่าสูงจากกาตาร์ ซึ่งบางฝ่ายในสหรัฐฯ วิจารณ์ว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่มฮามาส อาจถูกมองว่าเป็นการเปิดช่องให้ต่างชาติมีอิทธิพลต่อนโยบายสหรัฐฯ การปรับปรุงเครื่องบินให้ได้มาตรฐาน Air Force One อาจใช้เวลาและเงินมากกว่าที่คาด ซึ่งอาจทำให้เป้าหมายประหยัดงบประมาณของทรัมป์ไม่เป็นผล ข้อกังวลด้านกฎหมายเกี่ยวกับหมวดของขวัญในรัฐธรรมนูญยังเป็นอุปสรรค โดยเฉพาะเมื่อสภาคองเกรสต้องให้ความเห็นชอบ ซึ่งอาจกลายเป็นประเด็นขัดแย้งทางการเมือง

สำหรับทรัมป์ การรับเครื่องบินนี้อาจเป็นเครื่องมือสร้างภาพลักษณ์ว่าเขาสามารถเจรจาดีลที่ยิ่งใหญ่ได้ แต่ก็เสี่ยงถูกโจมตีว่าให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์มากกว่าความมั่นคงและจริยธรรม การตัดสินใจครั้งนี้จึงเป็นดาบสองคมที่อาจส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของเขาในระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อทั้งรีพับลิกันและเดโมแครตแสดงความกังวล ขณะที่กาตาร์พยายามรักษาภาพลักษณ์พันธมิตรที่เชื่อถือได้ โดยย้ำว่านี่เป็นการทำธุรกรรมที่โปร่งใสและไม่มีเจตนาแอบแฝง

อนาคตของเครื่องบินลำนี้ยังไม่ชัดเจน ขึ้นอยู่กับผลการพิจารณาทางกฎหมายและความสามารถในการปรับปรุงให้ได้มาตรฐาน แต่ที่แน่นอนคือ ดีลนี้ได้จุดประเด็นถกเถียงครั้งใหญ่ในสหรัฐฯ เกี่ยวกับความสมดุลระหว่างผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคง และจริยธรรมในการบริหารประเทศ

อ่านข่าวอื่น :

กาตาร์-สหรัฐฯ ปิดดีลยักษ์ สายการบินสั่งซื้อโบอิงครั้งประวัติศาสตร์

ปูตินต้อนรับนายกฯ มาเลเซีย ไร้ชื่อร่วมเจรจาสันติภาพยูเครนที่ตุรกี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง