หรือจะเรียก “พฤษภาประชาธรรม” ที่มีอ้างถึงในภายหลัง ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงที่เกิดขึ้นที่ถนนราชดำเนิน และพื้นที่ใกล้เคียงได้
แค่หยดเลือดที่แต้มแต่งถนน ระหว่างเสียงห่ากระสุนที่พุ่งใส่อีกฝ่ายที่มีเพียงมือเปล่า และคราบเลือดที่ปรากฎที่โคนต้นไม้ริมถนนราชดำเนิน มีธงชาติผืนเล็กและก้านธูปปักอยู่ ให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาได้เห็น หลังเหตุการณ์ ก็ชวนสลดหดหู่ใจแล้ว
ผลพวงจากการรวมตัวต่อต้านนายกรัฐมนตรี พล.อ.สุจินดา คราประยูร ที่ตระบัดสัตย์เป็นนายกรัฐมนตรี และต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ รสช. หรือคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ที่ยึดอำนาจจากรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เมื่อปี 2534
เหตุการณ์ครั้งนั้นคุกรุ่นแตกหักวันที่ 17-18 พ.ค.2535 ผู้เข้าร่วมชุมนุมได้รับบาดเจ็บมาก จากทหารเข้าสลายการชุมนุม สื่อช่างภาพที่เข้าไปบันทึกภาพเหตุการณ์โดนลูกหลง บางคนนอนรักษาตัวที่ รพ.นานหลายเดือน ผู้คนอีกไม่น้อยสูญหาย จนป่านนี้ก็ยังไม่เจอตัว
ขณะที่อีกส่วนหนึ่งล้มตายจากเหตุการณ์ ประเมินกันว่า เป็นร้อยหรืออาจหลายร้อยคน แต่รัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจ อ้างมีเพียง 44 คน บาดเจ็บ 1,728 คน
แต่ไม่มีใครเชื่อ มีการตั้งข้อสังเกต และสื่อส่วนหนึ่งพยายามช่วยค้นหาคำตอบ แต่จนแล้วจนรอดก็หาไม่พบ
แต่คณะผู้ก่อการและพยายามสืบทอดอำนาจก็ไปไม่รอดเหมือนกัน ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง ร.9 ถอดสลักความขัดแย้ง ไม่ให้ลุกลามบานปลายในแผ่นดินของพระองค์
นายทหารกลุ่มรหัส 0143 ต้องลงจากอำนาจ แต่ก็ไม่ได้รับผิดหรือโดนลงโทษอะไรเพราะแม้สภาฯจะตีตก พ.ร.ก.นิรโทษกรรม แต่คณะตุลาการรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยรับรองให้พ.ร.ก.ดังกล่าว มีความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
ส่วนเรื่องการสอบสวนข้อเท็จจริงจากเหตุการณ์ และมีผู้พยายามใช้ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร หวังได้รับรู้ความจริงที่ซ่อนเร้น แต่สุดท้ายสิ่งที่ได้ คือผลการสอบสวนที่มีเส้นดำขีดคาดทับเป็นปื้น หาความกระจ่างอะไรไม่ได้ เป็นเรื่องความมั่นคง
เช่นเดียวกับกลุ่มผู้เสียหายและญาติวีรชนพฤษภาฯ 35 ร่วมกันฟ้องร้องเรียกค่าสินไหมทดแทนฐานละเมิดจากเจ้าหน้าที่รัฐ ก็ถูกยกฟ้องเช่นกัน
ไม่เพียงเท่านั้น เรื่องการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินนักการเมืองของ รสช. ต่อนักการเมืองคนสำคัญในสมัยนั้น ปรากฏว่า พ้นมลทินทั้งหมด เพราะนักการเมือง “บ้านใหญ่” ดังกล่าว ส่วนใหญ่ย้ายเข้าพรรคสามัคคีธรรม ที่มีนายณรงค์ วงศ์วรรณ เป็นหัวหน้าพรรค และเป็นพรรคการเมืองที่ทราบกันดีว่า ตั้งขึ้นเพื่อรองรับการสืบทอดอำนาจของ รสช.
จึงเป็น “โมเดล” ต้นแบบของการประสานประโยชน์ลงตัวของผู้มีอำนาจในกองทัพกับนักการเมืองอาชีพ ที่ไม่ต่างจากละครที่แบ่งกันเล่นไปตามบท
ผ่านไป 33 ปี ยังได้เห็น “โมเดล” และละครบทคล้ายๆ กันนี้ เกิดขึ้นตามมาอีกอย่างน้อย 2 ครั้ง คือในปี 2549 โดย คปค. คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มี พล.อ.สนธิ บุณยะรัตกลิน ผบ.ทบ.ขณะนั้น เป็นหัวหน้า
และอีกครั้งในปี 57 โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ขณะนั้น เป็นหัวหน้า
การเดินหน้าบริหารจัดการช่วงแรก ๆ ดูจะเข้มข้นเอาจริงเอาจัง แต่สุดท้าย กลายเป็นสืบทอดอำนาจไม่ต่างจากเดิม
มิหนำซ้ำ หลังเลือกตั้ง ปี 2562 ครม.ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ล้วนเต็มไปด้วยนักการเมือง "บ้านใหญ่" คนหน้าเดิม ๆ ที่เคยอยู่ใน ครม.นายทักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย จนแทบจะกลายเป็นว่า “ให้ยืมกันใช้”
นักการเมืองส่วนใหญ่ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจกับเหตุการณ์ในอดีต ยังคงเดินหน้าทำภารกิจที่เอื้อประโยชน์ต่อ “ลูกพี่” -หัวหน้าเก่า-พวกพ้อง-บริวาร แทนที่จะเป็นประชาชนเจ้าของประทศ และเป็นเจ้าอำนาจประชาธิปไตยที่แท้ทรู
เสมือนหนึ่งไม่เคยมีเหตุการณ์อะไรที่นักการเมืองควรต้องจดจำ และตระหนักในพลังของมวลมหาประชาชน
ในอดีตพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อมีความเห็นและจุดยืนในบางเรื่องสำคัญๆที่แตกต่างกัน จะเลือกความถูกต้องและประชาชนเป็นหลัก อย่างพรรคพลังธรรมของพล.ต.จำลอง ศรีเมือง ประกาศงดออกเสียงในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนายชวน หลีกภัย กรณี แจก ส.ป.ก.4-01 และประกาศถอนตัวจากรัฐบาลท่ามกลางสายฝน เมื่อปี 2538
แต่รัฐบาลปัจจุบัน 2 พรรคใหญ่ “เพื่อไทย-ภูมิใจไทย” เห็นต่าง ทั้งเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ เรื่องร่างกฎหมายต้านรัฐประหาร เรื่องร่างกฎหมายกาสิโน
กระทั่งเรื่องปมฮั้วเลือก สว.ที่ถูกมองว่า “อยู่คนละข้าง” และเป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่รู้ว่า รัฐนาวาจะเดินหน้าต่อไปได้อย่างไร ในสถานการณ์ที่ใกล้สุกงอมจากสารพันปัญหารุมเร้ารัฐบาล
แต่ยังคงจูบปาก ปฏิเสธไม่มีอะไรขัดแย้ง ทั้งที่ผู้คนยุคสมัยนี้ รู้ไส้รู้พุงดี
33 ปีเหตุการณ์พฤษภาฯ การเมืองไทย จึงยังคงวนเวียนย่ำต๊อกอยู่ใน “ลูป” เดิม ๆ ที่น่าเบื่อ และไม่เปลี่ยน
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : “สมณศักดิ์” เกี่ยวกับ “พระสังฆาธิการ” อย่างไร ทำไม “เจ้าคุณแย้ม” จึงเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ?
พิธีมิสซายิ่งใหญ่! เลโอที่ 14 รับแหวนนักบุญเปโตรแห่งสันตะปาปา
"นายกฯ"สั่งล้างบางพนันออนไลน์ ชี้มีเว็บพนันตามหัวเมืองใหญ่อีกเพียบ
แท็กที่เกี่ยวข้อง: