วันนี้ (28 พ.ค.2568) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ร่วมประชุมเพื่อพูดคุยหาสาเหตุและการบริหารงานภายในของกองบังคับการกองบินตำรวจ หลังเกิดเหตุการณ์อากาศยานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกิดอุบัติเหตุ 2 ครั้งในช่วง 1 เดือน พร้อมเปิดเผยว่า เดินทางมาให้กำลังใจและให้ความมั่นใจกับนักบินที่ใช้อากาศยาน รวมถึงประชุมหารือเพื่อกำหนดแนวทางการใช้อากาศยานอย่างปลอดภัย
ขณะที่สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุยังไม่สามารถยืนยันได้ โดยได้สั่งให้ผู้บังคับการกองบิน ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมมอบหมายให้จเรตำรวจแห่งชาติ ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องงานบริหาร การใช้อากาศยาน อย่างตรงไปตรงมา หากพบการทุจริตจะดำเนินการขั้นเด็ดขาด เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้ง 2 เหตุการณ์ไม่สามารถประเมินความเสียหายได้ หากมีประเด็นเกี่ยวกับงบประมาณ สำนักงานตรวจสอบภายใน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะต้องเข้ามาตรวจสอบด้วย

ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบสาเหตุและการบริหารงานเครื่องบินตกในพื้นที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เมื่อวันที่ 25 เม.ย. มีความคืบหน้าไปมาก แต่ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุที่แท้จริงได้ ซึ่งการตรวจสอบไม่ได้มีเฉพาะตำรวจเท่านั้น ยังมีบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินและผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานอื่นเข้ามาร่วมตรวจสอบด้วย
ผบ.ตร.ยังกล่าวถึงการจัดงบประมาณในการซ่อมบำรุง ว่า เครื่องยนต์ทุกลำจะมีงบประมาณในการซ่อมบำรุงตามวงรอบ และประเมินทุกครั้งว่าเครื่องสามารถปฏิบัติภารกิจได้หรือไม่ หากพบจุดไหนต้องซ่อมแซมเป็นพิเศษจะต้องตั้งงบประมาณตามความเป็นจริง โดยยืนยันว่าอากาศยานของ ตร.ที่ประจำการอยู่ มีเครื่องบิน 11 ลำ เฮลิคอปเตอร์ 71 ลำ โดยเฮลิคอปเตอร์สามารถใช้งานได้ 22 ลำ ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างรอจำหน่าย

ส่วนประเด็นที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับเฮลิคอปเตอร์ลำที่ตกในพื้นที่ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ เคยยกเลิกภารกิจที่ จ.อุดรธานี ซึ่งพบความผิดปกติเกี่ยวกับไฮโดรลิก ใบพัดเสีย แล้วทำให้เครื่องหมุน ยืนยันว่าได้ซ่อมแซมเสร็จเรียบร้อยแล้วและสามารถกลับมาใช้งานได้ปกติ ก่อนเครื่องบินลำดังกล่าวจะมาประจำที่กองบิน จ.กาญจนบุรี และปฏิบัติภารกิจมาแล้วหลายภารกิจ ก่อนเกิดอุบัติเหตุขึ้น ส่วนที่มีการเปิดเผยแชตข้อความในสื่อสังคมออนไลน์ ได้สั่งตรวจสอบทุกประเด็นที่สังคมตั้งข้อสงสัย
สำหรับคำสั่งระงับการใช้อากาศยานทุกลำของกองบินตำรวจเพื่อรอการตรวจสอบนั้น ผบ.ตร. ย้ำว่า ได้ระงับเพื่อให้เกิดการตรวจสอบและสร้างความมั่นใจ โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมตรวจสอบโดย คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน เพราะไม่ใช่การซ่อมบำรุงตามวงรอบ
หากพบความผิดปกติจะส่งเข้าสู่การซ่อมและจะต้องตั้งงบประมาณในการซ่อมเเซมอีกส่วนหนึ่ง โดยการจัดหาบริษัทเข้าร่วมตรวจสอบ ซึ่งได้มอบให้กองบินตำรวจดำเนินการและให้รายงานมาที่ฝ่ายบริหาร ตร. ส่วนอากาศยานลำใดที่มีความจำเป็นในภารกิจเร่งด่วน สามารถปฏิบัติภารกิจได้ แต่จะมีการจัดลำดับความสำคัญต่อภารกิจและจะต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวดก่อนขึ้นบิน

ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีได้สอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นและแสดงความห่วงใย โดยให้กลับมาพิจารณาเรื่องความจำเป็นในเรื่องของการซ่อมแซม หรือการจัดหาอากาศยานใหม่ โดยตนเองจะต้องนำข้อมูลมาสรุปเพื่อหาเหตุผลความจำเป็นในการปฏิบัติภารกิจ เพื่อจัดทำแผนซื้อ
พร้อมยืนยันว่าปี 2569 จะไม่มีการจัดซื้อเครื่องบินใหม่ แต่มีแผนจะจัดซื้อตั้งแต่ปี 2570 เป็นต้นไป ทั้งเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ รวมถึงการพิจารณาใช้อากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน เข้ามาทดแทนภารกิจบางกรณีด้วย
อ่านข่าว
ผบ.ตร.แจงนายกฯ ปมเฮลิคอปเตอร์ตก รอตรวจสอบแชตนักบิน
เร่งหาสาเหตุ ฮ.ตกประจวบฯ - เปิดแชต "สารวัตรจ๊อบ" ระบุเครื่องไม่พร้อมบิน