ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"ณัฐพงษ์" ติงรัฐบาลจัดงบประมาณปี 69 "ไร้ทิศ-ไร้ทาง-ไร้ภาพ"

การเมือง
20:11
163
"ณัฐพงษ์" ติงรัฐบาลจัดงบประมาณปี 69 "ไร้ทิศ-ไร้ทาง-ไร้ภาพ"
อ่านให้ฟัง
07:33อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ผู้นำฝ่ายค้านสะท้อนการจัดทำงบประมาณปี 2569 เป็นแบบ "ไร้ทิศ-ไร้ทาง-ไร้ภาพ" โดยเฉพาะงบประมาณ 1.57 แสนล้านบาท ที่โยกงบฯ ดิจิทัลวอลเล็ตให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 7,850 แห่ง

วันนี้ (28 พ.ค.2568) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน อภิปรายภาพรวมการจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร โดยคาดหวังอยากให้นายกรัฐมนตรีปรับคำแถลงนโยบาย ด้วยสงสัยว่า "หากไม่ปรับ...งบเลยไม่เปลี่ยน ทำให้คนไทยรับกรรม" พร้อมหยิบยก7 ประเด็น ชี้ให้เห็นดังนี้

  1. สุขภาวะการคลังของไทย เพราะรัฐบาลเบ่งงบเกือบเต็มกรอบ ทำให้รัฐบาลมีงบไปดำเนินการลงทุนโครงการใหม่ได้น้อย
  2. ชี้โลกเปลี่ยน นโยบายในอดีตมาใช้ในปัจจุบันไม่ได้แล้ว
  3. ท้วงติงงบยังเป็นสูตรเดิม เป็นการจัดงบที่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง พร้อมชี้ว่าปัญหาที่เจอขณะนี้ไม่ใช่วิกฤตการคลัง แต่เป็นวิกฤตทางการเมือง
  4. ชี้เห็นว่าในขณะนี้ประเทศไทยไม่ได้ขาดเงิน แต่ขาดรัฐบาลที่บริหารประเทศเป็น
  5. ความคุ้มค่าการใช้งบประมาณได้ผลหลายเด้ง ขาดวิธีการใช้งบประมาณที่มีประสิทธิประ
  6. นายกฯ ไม่มีวิธีการจัดทำงบประมาณ ทำให้งบประมาณไม่เคยเปลี่ยน ทั้งการปรับทิศทางหรือการปรับทีม และ
  7. เตือนสติรัฐบาลว่าหากจัดงบประมาณแบบนี้ อาจสรุปได้ว่าประเทศไทยขณะนี้อยู่ในช่วงสถานการณ์เกือบล้มและอาจกลับลุกขึ้นมาไม่ได้อีก โดยเฉพาะการกู้เงินที่ไม่มีแผนรองรับ
งบประมาณปี 2569 เป็นกระจกสะท้อนไปยังรัฐบาลชุดนี้ว่าไร้ทิศ ไร้ทางและไร้ภาพ ไม่ได้จัดงบเพื่อหาทางออกให้กับประเทศ แต่ปล่อยให้การบริหารราชการแผ่นดิน เดินสะเปะสะปะอยู่ในระบบราชการประจำ เพราะใช้เวลาไปกับการแก้ปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง

นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนงบดิจิทัลวอลเล็ตไปใช้กับการลงทุนในระยะระยะสั้น 1.57 แสนล้านบาท เป็นการโยนเงินไปให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 7,850 แห่ง ส่งคำของบประมาณภายใน 3 วัน สะท้อนว่ารัฐบาลขาดเจตจำนงในการบริหารประเทศ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการจัดงบลักษณะดังกล่าวเป็นการกระจายผลประโยชน์ให้กับกลุ่มผลประโยชน์ของรัฐบาลที่รู้ข่าวล่วงหน้า จึงจัดทำคำขอได้ทันภายในกรอบระยะเวลาอันสั้นใช่หรือไม่

ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวอีกว่า ประเทศไทยอยู่ในภาวะหัวเลี้ยวหัวต่อของวิกฤตการจัดงบประมาณปี 2569 เป็นบทพิสูจน์ว่าจะผ่านไปได้หรือไม่ ทั้งประเด็นสงครามการค้าที่มีผลกระทบต่อการส่งออก ซ้ำเติมจากการสวมสิทธิและสินค้าเถื่อนราคาถูกจากต่างประเทศ ซึ่งจีดีพีของการผลิตและการบริโภคที่สวนทางสะท้อนว่าการแจกเงินใช้ไม่ได้อีกต่อไป

ทั้งนี้ มองว่าหากมีการปฏิรูประบบงบประมาณจะสร้างความเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมได้ ทั้งการรักษาวินัยการเงินการคลังอย่างสมดุล การลงทุนเครื่องจักรเศรษฐกิจใหม่ เช่น การลงทุนอุตสาหกรรมไฮเทค ฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยว ไม่ใช่ใช้งบลงทุนเพื่อตัดถนน ขุดคลองหรือสร้างอาคาร

นายณัฐพงษ์ ยังอ้างอิงผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการติดตามงบประมาณ เพื่อทำงบประมาณรูปแบบใหม่และรัฐธรรมนูญปลดล็อกท้องถิ่น หากเสนอสภาฯ ไม่ผ่าน เพราะรัฐบาลไม่เปลี่ยนแปลงการจัดงบ ทำให้มองไม่เห็นยุทธศาสตร์ใดๆ จากงบสูตรเดิม อย่าให้ความหวังกับประชาชนว่าประเทศไทยไม่ขาดเงินและจะฝ่าวิกฤตได้

แต่รัฐบาลต้องบริหารเงินแผ่นดินที่อยู่ในทุกหน่วยงานของรัฐ รวมถึงรัฐวิสาหกิจ เฉพาะที่มีอยู่เท่ากับ 7-8 ล้านล้านบาทต่อปี คิดเป็น 40% ต่อจีดีพี แต่ปัญหาคือไม่มีใครเชื่อมโยงเงิน รัฐวิสาหกิจต่างลงทุนและท้องถิ่นไม่เชื่อมโยงการบริหารประเทศ

พร้อมระบุว่า ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศที่ขาดเงิน แต่ขาดการใช้เงินและลงทุนอย่างมีเป้าหมาย โดยงบปี 2569 รัฐบาลทุ่มไปกับการจัดการน้ำ ตลิ่ง เขื่อนและคลอง มากกว่าเพิ่มพื้นที่รับน้ำ หรือระบบเตือนภัย, งบเกษตรฯ เน้นการเยียวยา ไม่มีการลงทุน, งบซอฟท์พาวเวอร์กลายเป็นงบอีเวนท์ ประชาสัมพันธ์ซ้ำซ้อน ส่วนงบสิ่งแวดล้อม เน้นสร้างซ่อมมากกว่าการแก้เชิงระบบ, งบดูแลคนพิการตกหล่น กระจัดกระจาย ซ้ำซ้อนและขาดการเข้าถึงอุปกรณ์พื้นฐาน

ดังนั้นจึงต้องเปลี่ยนวิธี เช่น งบประกันสินเชื่อ SME เพื่อเพิ่มตัวคูณในระบบเศรษฐกิจถึง 7 เท่า, งบช่วยเหลือเกษตรกร เปลี่ยนจากแจกเป็นเงินลงทุนอย่างมีเป้าหมาย สนับสนุนเครื่องจักรเฉพาะพื้นที่ พืช และเฉพาะเวลาเพื่อเพิ่มผลผลิต รวมถึงลดโลกร้อน

โลกเปลี่ยนแปลง แต่งบประมาณไทยไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีวิธีการใช้งบที่คุ้มค่า แม้นายกฯ ไม่ได้ทำงบประมาณ แต่คือคนที่คุมสำนักงบประมาณ เมื่อปล่อยให้ประเทศไทยใช้งบแบบไร้เป้าหมาย ไม่ปรับทิศทางหรือเปลี่ยนทีม จึงต้องตั้งคำถามว่าประเทศไทยมีคนที่เป็นผู้นำรัฐบาลอยู่จริงหรือไม่

ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวอีกว่า การจัดทำงบประมาณปี 2569 ไม่ใช่การทำงบประมาณผิดพลาด แต่คือกระจกสะท้อนตัวนายกฯ ว่าไม่มีเป้าหมายให้ประเทศ ละเลยการทำหน้าที่ผู้นำรัฐบาล ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยประกาศต่อสภาฯ ว่าจะปฏิรูประบบราชการให้ทันสมัย แต่ยังมีการจัดงบประมาณสูตรเดิม เหมือนกับประเทศไทยไม่เคยมีนายกฯ อยู่

       “เราไม่เคยมีผู้นำที่รู้จักใช้อำนาจเปลี่ยนงบประมาณที่ล้มเหลว เพื่อไม่ให้ประเทศล้มเหลวไปด้วย ขอย้ำว่าสถานการณ์ขณะนี้ไม่ใช่วิกฤตการคลัง แต่เป็นวิกฤตทางการเมือง เป็นวิกฤตของสถาบันรัฐไทยที่เริ่มเป็นระบบขูดรีด ประเทศไทยเกือบจะเป็นรัฐล้มเหลว หากจัดทำงบประมาณแบบเดิมที่ไม่เปลี่ยน นายกฯ ไม่ปรับการทำงาน แม้วันนี้ประเทศไทยจะยังไม่ใช่รัฐล้มเหลวที่สมบูรณ์ โครงสร้างรัฐไม่พัง แต่ความเชื่อมั่นของประชาชนพังไปแล้ว” นายณัฐพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย

อ่านข่าว

นายกฯ ถกงบ 69 ชู 6 ยุทธศาสตร์ขับเคลื่อน กระตุ้น ศก.เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ

สภาฯ ผ่านฉลุย เปลี่ยนชื่อ "สำนักงานทรัพย์สินฯ" เป็น "พระคลังข้างที่"

"ศิริกัญญา" ติง "ทักษิณ" โชว์วิชันดึงงบฯ ดิจิทัลวอลเล็ตปราบยาเสพติด