วันนี้ (28 พ.ค.2568) การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สองเป็นประธานในที่ประชุม ในวาระการพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ในช่วงแรก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรีร่วมชี้แจงการจัดทำร่างกฎหมายงบประมาณแถลงต่อสภาผู้แทนราษฎรนานกว่า 1 ชั่วโมง
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่างบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ตั้งไว้จำนวน 3.78 ล้านล้านบาท โดยตั้งงบประมาณเพื่อชดใช้เงินคงคลังเป็นจำนวน 123,541 ล้านบาท โดยร่างกฎหมายฉบับนี้รัฐบาลนำเสนอต่อสภา เป็นการจัดทำงบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ ต่อยอดการพัฒนาภาคผลิตและบริการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและความเสมอภาคทางสังคม คุณภาพชีวิตสิ่งแวดล้อมและความมั่นคงของประชาชนผ่านการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บท รวมถึงดำเนินนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ได้แถลงต่อรัฐสภาให้เกิดผลสัมฤทธิ์เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม

โดยภาวะเศรษฐกิจทั่วไปตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รายงานในวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมาคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะขยายตัวในช่วงร้อยละ 2.3 - 3.3 โดยมีแรงสนับสนุนจากการขยายตัวการลงทุนภาครัฐ การบริโภคภายใน การฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยว แต่ก็ยังมีข้อจำกัดเรื่องภาระหนี้สินครัวเรือน และปัจจัยเสี่ยงจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐอเมริกา ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และความผันผวนภาคเกษตร
ส่วนเศรษฐกิจในปี 2569 คาดว่าจะขยายตัวในช่วงร้อยละ 2.3-3.3 ปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในการอุปโภคบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวขณะที่การดำเนินมาตรการกีดกันทางการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลักและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ
ส่วนฐานะการคลังของไทยหนี้สาธารณะคงค้างในเดือน มี.ค.2568 จำนวน 12 ล้านล้านบาท ซึ่งยังคงอยู่ภายใต้กรอบการบริหารหนี้สาธารณะ ตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลัง ที่กำหนดเพดานไว้ไม่เกินร้อยละ 70 ของจีดีพี ส่วนเงินคงคลัง ณ วันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมามีจำนวน 252,124 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลยืนยันจะบริหารให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด

“เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มความเสี่ยงขึ้นจากนโยบายการค้าโลก อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มลดลงต่ำกว่ากรอบเป้าหมายจากราคาน้ำมันดิบและมาตรการภาครัฐซึ่งมีส่วนช่วยบรรเทาค่าครองชีพและลดต้นทุนของภาคธุรกิจ ด้านภาวะการเงินโดยรวมยังตึงตัว คณะกรรมการนโยบายการเงินจึงมีมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นร้อยละ 1.75 ต่อปี เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจและรองรับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นรวมทั้งดูแลภาวะการเงินให้เหมาะสมกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ” นางสาวแพทองธารกล่าว
สำหรับฐานะการเงินด้านต่างประเทศของไทยอยู่ในเกณฑ์ที่ดี มีมูลค่าเงินสำรองระหว่างประเทศข้อมูล ณ วันที่ 31 ธ.ค.2567 อยู่ที่ 237,045,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจัดว่าอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง และชี้แจงนโยบายการคลังและความสัมพันธ์ระหว่างรายรับและงบประมาณรายจ่ายว่าในปีงบประมาณ 2569 ภายใต้สภาวการณ์ทางเศรษฐกิจ รัฐบาลมีความจำเป็นต้องดำเนินนโยบายงบประมาณขาดดุลเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
โดยประมาณการการจัดเก็บรายได้จากภาษีอากรสุทธิรวมทั้งสิ้น 3.06 ล้านล้านบาท โดยงบประมาณจำแนกตามกลุ่มงบประมาณประกอบไปด้วย งบประมาณรายจ่ายกลาง 632,968 ล้านบาท , งบรายจ่ายของหน่วยงานรับงบประมาณ 1.408 ล้านล้านบาท , งบรายจ่ายบูรณาการ 98,767 ล้านบาท , งบประมาณรายจ่ายบุคลากร 820,820 ล้านบาท , งบประมาณรายจ่ายเพื่อการชำระหนี้ 421,864 ล้านบาท , งบรายจ่ายสำหรับทุนหมุนเวียน 274,576 ล้านบาท งบงบประมาณรายจ่ายเพื่อชำระหนี้ภาครัฐ 421,864 ล้านบาท และงบประมาณรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง 123,541 ล้านบาท

จากนั้นนายกรัฐมนตรีก็ไล่เลียงการจัดสรรงบประมาณตามยุทธศาสตร์ 6 ด้าน ก่อนที่จะสรุปทิ้งท้ายว่า ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ที่รัฐบาลเสนอในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูและขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างเติบโตยั่งยืนพร้อมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกมิติ ภายใต้ข้อจำกัด ด้านรายได้และสถานการณ์เศรษฐกิจ
"รัฐบาลจึงดำเนินนโยบายงบประมาณแบบขาดดุลเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ โดยกำหนดวงเงินงบประมาณทั้งสิ้น 3,780,600 ล้านบาท เพื่อให้หน่วยรับงบประมาณใช้จ่ายงบประมาณที่ได้รับจัดสรรอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ทั้งในด้านความมั่นคงการสร้างความสามารถในการแข่งขัน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การลดความเหลื่อมล้ำและดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการปรับปรุงระบบราชการให้มีประสิทธิภาพเพื่อให้ประเทศสามารถเดินหน้าได้อย่างมั่นคง ประชาชนได้รับประโยชน์จากการใช้จ่ายงบประมาณอย่างแท้จริง และเกิดผลสัมฤทธิ์ในการพัฒนาประเทศอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป" น.ส.แพทองธารกล่าว
อ่านข่าว :
นายกฯ ยันไม่โยกงบฯ 1.57 แสนล้าน แก้ยาเสพติด ตามไอเดีย “ทักษิณ”
"ณณัฏฐ์" มั่นใจงบฯปี 69 พรรคร่วม หนุนโหวตผ่านฉลุย
"พล.อ. ประวิตร" ลงชื่อร่วมประชุมสภา ถกงบฯปี 69 ก่อนเดินทางกลับทันที