ความคืบหน้าคดีการยักยอกเงินวัดไร่ขิง ซึ่งมีนายแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง และ น.ส.อรัญญาวรรณ เป็นผู้ต้องหา โดยใช้หลักฐานจาก 11 เส้นทางการเงิน 3 บัญชี มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ในการกล่าวหา
วันนี้ (29 พ.ค.2568) ตำรวจชุดทำคดี ให้ข้อมูล ว่า พบหลักฐานเพิ่มอีก 9 เส้นทางการเงิน รวมแล้วเป็น 20 เส้นทางการเงิน และพบจำนวนเงินอีก 1 ส่วน เป็นเงินสดที่ไม่ถูกนำเข้าบัญชีวัด ซึ่งทั้งหมดตรวจพบจากเงินประมูลร้านค้าประจำปี ร้านค้าสวัสดิการ และเงินทำบุญกฐิน ที่มีคนสนิทของอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงเป็นผู้ดูแล
จากหลักฐานทั้งหมด เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอย่างละเอียด ทั้งกรรมการวัดผู้มีอำนาจ ไวยาวัจกรวัดไร่ขิง รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้อง ก่อนจะเดินทางเข้าพบผู้ต้องหาในเรือนจำเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมเร็ว ๆ นี้ โดยเป็นลักษณะต่างกรรมต่างวาระ แต่ข้อหาเดิม
ส่วนกรณีสำหรับนายเอกพจน์ อาจต้องเลื่อนการเข้าสอบปากคำในเรือนจำออกไปก่อน หลังตรวจพบเส้นทางการเงินเพิ่มเติม ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานให้รอบคอบ เช่นเดียวกับหญิงคนสนิทของอดีตเจ้าอาวาส และสามี พบว่ามีส่วนเข้ามาพัวพันกับการยักยอกเงินวัด
ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน และไม่สามารถติดต่อบุคคลทั้งสองได้ แต่ยังไม่มีรายงานว่าจะขอออกหมายจับหรือเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาในเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ยังเน้นหาพยานหลักฐานในส่วนของนายแย้ม และ น.ส.อรัญญาวรรณ ที่พบว่าบัญชีการเงินและการยักยอกเงินมีความซับซ้อน จึงจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการสืบสวนสอบสวนเป็นอย่างมาก ก่อนครบกำหนดฝากขัง
นอกจากการสืบสวนในคดีแล้ว ตำรวจสอบสวนกลาง เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. และ ป.ป.ช. มีมติในที่ประชุมร่วมกันว่า จะยกคดียักยอกเงินวัดไร่ขิงเป็นคดีตัวอย่างนำไปสู่การแก้ไขปัญหาการยักยอกเงินวัดโดยบุคคลผู้มีอำนาจ โดยจะประสานทางมหาเถรสมาคม และสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกระเบียบ หรือแก้ไขข้อกฎหมายเพิ่มเติม บังคับใช้กับทุกวัดเพื่อป้องกันการกระทำความผิดในลักษณะนี้ในอนาคต
อ่านข่าว : ตร.เตรียมสอบ "เอกพจน์" เพิ่มในเรือนจำ คดียักยอกเงินวัดไร่ขิง
CIB ขยายผลเว็บพนันโยงวัดไร่ขิง เปิดทรัพย์สิน 41 ล้าน "สีกาเก็น"
แกะรอยผลประโยชน์ "วัดไร่ขิง" เงินบริจาค-อำนาจ-โครงสร้าง-ทรัพย์สิน