หนึ่งในตำรวจ สภ.จะแนะ จ.นราธิวาส ที่ถูกผู้ก่อเหตุ กราดยิงจนเสียชีวิต คือ “จ.ส.ต.อับดุลเลาะ มะกาเซ็ง “ อดีตเยาวชนสานใจไทยสู่ใจใต้ โครงการของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ที่ได้รับฉายาว่า “ตำรวจตาทิพย์ของคนจะแนะ” ด้วยเพราะมีหน้าที่รับผิดชอบด้านไอที
งานหลักของเขา คือ ดูแลกล้องวงจรปิดทั้งหมดของโรงพัก รถหาย ยางพาราถูกขโมย แพะถูกอุ้ม ไปจนถึงอาชญากรรมอื่น ๆ ทั้งหนักเบา ล้วนต้องเข้ามาให้ “หมู่เลาะ” ช่วยเปิดกล้องเช็กให้
ฉะนั้น เมื่อกล้องตัวไหนเสีย “จ่าเลาะ” หรือ แบะเลาะ หรือ “เลาะ” ของเพื่อนๆ ตำรวจ ก็ต้องหารถกระเช้า ปีนขึ้นไปตรวจสอบด้วยตนเอง แม้ว่า ใจหนึ่งจะต้องระแวดระวังภัยจากกลุ่มก่อความไม่สงบเช่นกัน

กล้องของโรงพักจะแนะ จะครอบคลุมทั้งในตลาดจะแนะ และดุซงญอ เรียกว่า เกิดเหตุจุดไหนก็เช็กได้ พอมีกล้องก็ช่วยเบาแรงตำรวจไปได้เยอะครับ ดูได้หมด ทั้งกลางวันกลางคืน มันช่วยป้องปรามเวลาใครคิดจะทำผิดกฎหมายด้วย
อับดุลเลาะ เกิดปี 2538 ในเรือกสวนรกครึ้มของ ต.ผดุงมาตร อ.จะแนะ จ.นราธิวาส ฉะนั้นในปี 2547 หลังเหตุปล้นปืนที่ค่ายปิเหล็ง อ.เจาะไอร้อง เขาเพิ่งมีอายุเพียง 9 ขวบ
อับดุลเลาะเล่าว่า เขาจำความได้ ก็เห็นเจ้าหน้าที่เข้าปิดล้อม ตรวจค้น ผู้ต้องสงสัย เคยจำได้ถึงขั้นพ่อบอกให้นั่งอุดหู เพราะได้ยินเสียงปืนดังใกล้ๆ
ส่วนใหญ่กลุ่มก่อการเป็นคนนอก ที่เข้ามาหลบซ่อนในตำบล เจ้าหน้าที่ก็มาปิดล้อมจับกุม ในพื้นที่เองส่วนใหญ่เป็นชาวบ้าน ชาวสวนผลไม้ อยู่แต่ในหมู่บ้าน ไม่มีใครคิดเรื่องอื่นหรอกครับ
อับดุลเลาะบอกว่า เขาเคยได้ยินประวัติศาสตร์ดุซงญอ การต่อสู้เพื่อปลดแอกจากอำนาจรัฐ แต่เขาไม่สนใจด้านนั้น และมุ่งมั่นจะเดินอีกเส้นทาง คือการศึกษา
ช่วงเรียนมัธยมปลาย อีกหนึ่งโอกาสสำคัญในชีวิตของอับดุลเลาะ คือได้ร่วมโครงการสานใจไทยสู่ใจใต้ รุ่นที่ 18 ซึ่งเป็นโครงการในดำริของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ คัดเลือกเยาวชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขึ้นมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ในหลายจังหวัดภาคกลาง
ครูที่โรงเรียนมาเห็นสภาพบ้านเก่าๆ ซอมซ่อ ประกอบกับ ผมถือว่าเป็นเด็กเรียนดีมาตลอด เขาก็ส่งชื่อไป แล้วได้รับคัดเลือกเข้าร่วมโครงการนี้ ผมดีใจมาก มันเปิดโลกผมเลย แต่การเดินทางไกลขึ้นกรุงเทพฯ หนแรก ผมป่วยเลย ไม่เคยเดินทางไกลขนาดนี้
อับดุลเลาะเล่าพลางหัวเราะ
เมื่อกลับจากโครงการสานใจไทยสู่ใจใต้ อับดุลเลาะบอกว่า อยากทำงานเพื่อตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน เขาอยากเป็นตำรวจ หัวใจฝักใฝ่อยากสวมชุดสีกากี อยากยกระดับความเป็นอยู่ให้ชีวิตครอบครัว เพราะเขาเติบโตมาพร้อมกับการเห็นพ่อกับแม่ทำงานหนัก เพื่อให้ลูกๆ ได้กินอิ่มนอนอุ่น แต่ในห้วงที่สถานการณ์รุนแรงหนัก ความฝันของอับดุลเลาะก็สร้างความหวาดหวั่นให้พ่อกับแม่เช่นกัน
ผมอยู่ในร่องในรอยมาตลอด ไม่เคยสร้างความหนักใจให้พ่อกับแม่เลย มีหนเดียวคือตอนจะขอสมัครสอบตำรวจนี่แหละครับ แต่ผมบอกว่า ไม่ต้องห่วงนะ ผมจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด ไม่ให้พ่อกับแม่เดือดร้อนเลย

อับดุลเลาะสอบนายสิบตำรวจได้สำเร็จ และเมื่อได้สวมชุดสีกากี เขาก็ค้นพบว่า การได้ทำงานเพื่อปกป้องแผ่นดิน ไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธปืนกำราบคนร้ายเพียงอย่างเดียว แต่งานไอทีก็มีความสำคัญในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชนเช่นกัน
“มีชาวบ้านวิ่งหน้าตาตื่นมาบอกว่า แพะหายๆ ถูกอุ้มขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ ให้ผมไล่กล้องให้ จนตามกลับมาได้ สุดท้ายเขาแกงแพะตัวนั้นมาเลี้ยง” อีกครั้งที่ตำรวจอารมณ์ดีอย่างเขาเล่าแล้วหัวเราะอย่างออกรส กับสิ่งแปลกๆ ที่ได้เจอหลังกล้องวงจรปิด
เขาใช้ชีวิตประจำวัน ในฐานะตำรวจหลังจอคอมพิวเตอร์ และพักในบ้านพักที่ สภ.จะแนะ ส่วนเย็นวันศุกร์ จะขับรถกลับบ้าน ไปเยี่ยมลูกชายคนเล็กที่เป็นขวัญใจปู่-ย่า ในบ้านเกิดกลางสวนผลไม้ และวันเสาร์-อาทิตย์ จะแบกจอบ ตามหลังพ่อไปช่วยดูแลสวนทุเรียน หมุนวนอยู่อย่างนี้ แต่เขาบอกว่ามีความสุขมาก ๆ
การเป็นลูกชาวบ้านสวมชุดตำรวจ พ่อแม่ภูมิใจครับ เขามีหลานให้เลี้ยง และผมมีอาชีพมั่นคง

ผู้เขียนยังจำได้ ในวันที่เราจากกัน 30 พ.ค.2565 อับดุลเลาะนำรถกระเช้าไปตรวจเช็กกล้องวงจรปิดที่เสียหายใกล้ตลาดจะแนะ โดยมีเพื่อนตำรวจช่วย รปภ.เส้นทางให้ ก่อนเราร่ำลากัน เขาบอกว่า ชาวบ้านเห็นคุณค่าของสิ่งที่เขาทำ เขาจึงไม่ค่อยกังวลกับสถานการณ์มากนัก แม้จะเคยโดนซุ่มวางระเบิด จนเขาและเพื่อนตำรวจ 5 นาย บาดเจ็บคารถหุ้มเกราะมาแล้ว ขณะไป รปภ.หน่วยเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านเมื่อ 10 พ.ค.2561 แต่เอาชีวิตรอดมาได้
“จะแนะตอนนี้เจริญขึ้น” เขาพูดโดยยกตัวอย่างร้านรวงและความเจริญที่กำลังคืบคลานเข้าสู่อำเภอเล็ก ๆ ริมเทือกเขาตะเว
ผมหวังว่า พอปากท้องของชาวบ้านดีขึ้น ความรุนแรงจะหายไปเองครับ เพราะชาวบ้านเองก็ต้องการคุณภาพชีวิตที่ดี
ทั้งหมดนี้เขียนจากบันทึกและความทรงจำของผู้เขียนเมื่อ 3 ปีที่แล้ว หลังไปติดตามชีวิตและสัมภาษณ์ ส.ต.อ.อับดุลเลาะ มะกาเซ็ง (ยศขณะนั้น) ผบ.หมู่ ป. สภ.จะแนะ ก่อนที่ช่วง 08.39 น.วันนี้ (28 พ.ค.2568) จะเกิดเหตุการณ์คนร้ายใช้อาวุธปืนกราดยิง สภ.จะแนะ จ.ส.ต.อับดุลเลาะ ซึ่งอยู่ในห้องทำงานชั้น 3 ชักอาวุธปืนมายิงสนับสนุนเพื่อช่วยเพื่อน แต่ถูกคนร้ายยิงสวนล้มลงเสียชีวิตทันที ส่วน ส.ต.อ.เจษฎา พรหมรัตน์ เพื่อนตำรวจที่เคยผ่านเหตุการณ์ระเบิดรถหุ้มเกราะมาด้วยกันเมื่อ 7 ปีก่อน ครั้งนี้บาดเจ็บสาหัส
ไม่ใช่แค่สำนักงานตำรวจแห่งชาติที่สูญเสียตำรวจฝีมือดี แต่ชาวจะแนะสูญเสียนายตำรวจตาทิพย์ของตนเอง ครอบครัวมะกาเซ็งต้องสูญเสียลูกชายคนโตไป ส่วนภรรยาต้องสูญเสียผู้เป็นสามี พ่อของลูกชายวัย 5 ขวบ และลูกในครรภ์อายุ 3 เดือนอีกคน
เรียบเรียง : ณรรธราวุธ เมืองสุข บรรณาธิการข่าวสังคม ไทยพีบีเอส
อ่านข่าว : ผู้ต้องหาค้าอาวุธออนไลน์เป็นอาจารย์ ม.ดัง จ่อออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง
โควิด-19 สายพันธุ์ NB.1.8.1 ระบาดใน กทม. ติดง่าย แพร่เร็ว
จ่อแจ้งข้อหาเพิ่ม "แย้ม-อรัญญาวรรณ" ปมยักยอกเงินประมูลร้านค้าวัดไร่ขิง
แท็กที่เกี่ยวข้อง: