ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

เศรษฐกิจซึม "โรงเรียนนานาชาติในไทย" ยังติดเทรนด์ กลุ่มมั่งคั่งสูง

เศรษฐกิจ
18:16
394
เศรษฐกิจซึม "โรงเรียนนานาชาติในไทย" ยังติดเทรนด์ กลุ่มมั่งคั่งสูง
อ่านให้ฟัง
13:27อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

ข้อมูลจาก Knight Frank’s the Wealth Report ระบุว่า ช่วงปี 2016–2022 คนไทยที่มีความมั่งคั่งสูง (High Net Worth Individuals : HNWIs) เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10% ต่อปี  ถือเป็นกลุ่มที่มีพร้อม ในการส่งบุตรหลานเข้ารับการศึกษา ในโรงเรียนนานาชาติ มีการคาดการณ์ว่า ในปี 2026 คนไทยที่มีความมั่งคั่งสูงขยายตัวแตะระดับ 1.6 แสน 

สวนทางกับเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ยังคงไม่ฟื้นตัว 100%จากวิกฤตโควิด และเศรษฐกิจที่ซึมยาว ขณะที่การซื้อสังคมที่ดีให้กับลูกหลาน ยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ปกครองในยุคนี้

ข้อมูลจาก กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้เจาะลึกข้อมูลธุรกิจโรงเรียนนานาชาติที่ตั้งในไทย พบว่า กลุ่มผู้ปกครองที่มีรายได้สูงนิยมส่งบุตรหลานเข้าเรียน รวมทั้งนักธุรกิจและเจ้าหน้าที่องค์กรระหว่างประเทศที่เข้ามาทำงานในไทยพร้อมครอบครัวก็นิยมส่งบุตรหลานเข้าเรียนเช่นกัน ส่งผลให้รายได้รวมธุรกิจโรง เรียนนานาชาติในไทยแตะ 7.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% กำไรรวมปี 2566 มีกว่า 1.6 พันล้านบาท

ธุรกิจโรงเรียนนานาชาติ เติบโต"ก้าวกระโดด" ในไทย

ขณะที่จำนวนการจัดตั้งนิติบุคคลเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดมีธุรกิจการศึกษาในไทย 7,511 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 5.1 หมื่นล้านบาท ชาวอังกฤษเข้ามาลงทุนในธุรกิจโรงเรียนนานาชาติในไทยสูงสุดถึง 30%

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า จากคลังข้อมูลธุรกิจ DBD DataWarehouse+ พบ ธุรกิจโรงเรียนนานาชาติในไทย มีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง และเป็นธุรกิจที่น่าจับตามอง จากการจัดทำบทวิเคราะห์เจาะลึกธุรกิจโรงเรียนนานาชาติ เพื่อให้ทราบถึงความปังของธุรกิจดังกล่าว รวมถึงสาเหตุที่ทำให้โรงเรียนนานาชาติได้รับความนิยมจากผู้ปกครองที่มีรายได้สูง

โดยเฉพาะตามหัวเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ชลบุรี และภูเก็ต ที่มีโรงเรียนนานาชาติตั้งอยู่รวมกันมากกว่า 80% โดย 10 อันดับโรงเรียนนานาชาติที่มีค่าเทอมสูงสุดอยู่ระหว่าง 1,109,400 - 905,300 บาท / ปี

ปัจจุบันกลุ่มผู้ปกครองในไทยที่มีรายได้สูงนิยมส่งบุตรหลานเข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติ รวมทั้งนักธุรกิจและเจ้าหน้าที่องค์กรระหว่างประเทศที่เข้ามาทำงานในไทยพร้อมครอบครัวก็นิยมส่งบุตรหลานเข้าเรียนโรงเรียนนานาชาติในไทยเช่นกัน

เนื่องจากโรงเรียนนานาชาติในไทยมีการขยายหลักสูตรเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ปกครองที่ต้องการการศึกษาคุณภาพสูงและมีมาตรฐานเทียบเท่าสากล รวมทั้งให้ความสำคัญต่ออัตราส่วนระหว่างครูผู้สอนกับจำนวนนักเรียน

อัตราครู 1 คน ต่อนักเรียน 8 คน สะท้อนถึงคุณภาพการศึกษาที่สูงขึ้นและการให้ความสำคัญกับการดูแลนักเรียนอย่างใกล้ชิดมากขึ้น ส่งผลให้โรงเรียนนานาชาติในไทยมีมาตรฐานเทียบเท่าโรงเรียนนานาชาติในระดับสากล

ผู้ปกครองทุ่ม "มีหลักสูตรเฉพาะ-สร้างทักษะโอกาสสากล"

นอกจากนี้ ปัจจัยสนับสนุนเชิงจิตวิทยาที่ส่งผลให้โรงเรียนนานาชาติได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้ปกครองที่มีรายได้สูง 1 ในปัจจัยสำคัญ คือ สถานะทางสังคม หรือ Status แม้ว่าการเรียนในโรงเรียนนานาชาติจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าทางเลือกทั่วไป แต่ผู้ปกครองที่มีรายได้สูงก็เลือกที่จะลงทุนด้านการศึกษาให้แก่บุตรหลาน

การได้รับการยอมรับในสังคมและการมีส่วนร่วมในเครือข่ายสากลซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จและความมั่งคั่งที่ผู้ปกครองชาวไทยและต่างชาติจึงนิยมส่งบุตรหลานเข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติของไทย จากเดิมที่นิยมส่งบุตรหลานไปเรียนที่ต่างประเทศเป็นหลัก

นางอรมน กล่าวอีกว่า ความชอบในสิ่งที่ Exclusive หรือ มีความพิเศษกว่า ยังเป็นอีก 1 ปัจจัยที่ผู้มีรายได้สูงมักมองหาประสบการณ์หรือสิ่งที่ไม่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป โรงเรียนนานาชาติมีหลักสูตรเฉพาะ การเข้าถึงเครือข่ายระดับโลก และสภาพแวดล้อมที่จะช่วยสร้างโอกาสการพัฒนาทักษะระดับสากล จึงสามารถตอบโจทย์กลุ่มผู้ปกครองที่มีรายได้สูงเป็นอย่างดี

จากข้อมูลนิติบุคคลธุรกิจการศึกษาในประเทศไทย ( วันที่ 30 เม.ย.2568) พบว่า มีธุรกิจการศึกษาในประเทศไทย จำนวน 7,511 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 50,633.46 ล้านบาท แบ่งตามขนาดธุรกิจการศึกษา ขนาดเล็ก (S) 7,362 ราย (98.02%) ทุนจดทะเบียนรวม 33,159.56 ล้านบาท ขนาดกลาง (M) 122 ราย ทุน 11,239.55 ล้านบาท

และ ขนาดใหญ่ 27 ราย (0.36%) ทุน 6,234.35 ล้านบาท ประกอบธุรกิจในรูปแบบ บริษัทจำกัด 6,717 ราย (89.43%) ทุน 48,171.92 ล้านบาท ห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 790 ราย (10.52%) ทุน 1,116.64 ล้านบาท และ บริษัทมหาชนจำกัด 4 ราย (0.05%) ทุน 1,344.90 ล้านบาท

ธุรกิจการศึกษาในไทย เนื้อหอม 5 ปี ทุนจดทะเบียนพุ่ง

ทั้งนี้ ธุรกิจการศึกษาในประเทศไทยเป็นที่น่าจับตามอง หากวิเคราะห์ย้อนหลังไป 5 ปี (2563-2567) เห็นได้ชัดว่าการจัดตั้งธุรกิจและทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปี 2563 จำนวน 502 ราย ทุน 1,012.18 ล้านบาท ปี 2564 จำนวน 512 ราย (เพิ่มขึ้น 12 ราย หรือ +1.99%) ทุน 719.10 ล้านบาท ปี 2565 จำนวน 616 ราย (เพิ่มขึ้น 12 ราย หรือ +1.99%) ทุน 1,496.04 ล้านบาท

ปี 2566 จำนวน 889 ราย (เพิ่มขึ้น 273 ราย หรือ +44.32%) ทุน 1,733.03 ล้านบาท และ ปี 2567 จำนวน 979 ราย (เพิ่มขึ้น 90 ราย หรือ +10.12%) ทุน 1,875.37 ล้านบาท สำหรับเดือนมกราคม - เมษายน 2568 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่ 319 ราย ทุน 610.34 ล้านบาท

ด้านผลประกอบการ 3 ปีที่ผ่านมา (2564-2566) มีรายได้รวม ปี 2564 รายได้ 33,126.88 ล้านบาท ปี 2565 รายได้ 39,033.54 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 5,906.66 ล้านบาท หรือ +17.83%) และปี 2566 รายได้ 46,290.96 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 7,257.42 ล้านบาท หรือ +18.59%) ผลประกอบการ (กำไร/ขาดทุน) ปี 2564 กำไร 1,491.08 ล้านบาท ปี 2565 กำไร 3,368.36 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 1,877.28 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 1.26%) และปี 2566 กำไร 5,785.58 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 2,417.22 ล้านบาท หรือ +71.76% )

สำหรับการลงทุนของชาวต่างชาติในประเทศไทย พบว่า มีมูลค่าการลงทุนสูงถึง 5,732.96 ล้านบาท โดยสัญชาติที่ลงทุนมากที่สุด คือ อังกฤษ 1,706.29 ล้านบาท (30%) จีน 636.07 ล้านบาท (11%) สิงคโปร์ 428.45 ล้านบาท (7%) และ อื่นๆ 2,962.15 ล้านบาท (52%)

ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรมีการระบุว่าโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย มีจำนวนถึง 257 แห่ง และเนื่องจากการแบ่งกลุ่มธุรกิจการศึกษาในไทย ไม่ได้มีการจัดกลุ่มสำหรับโรงเรียนนานาชาติเป็นการเฉพาะ กรมฯจึงได้มีการรวบรวมโรงเรียนนานาชาติที่ได้รับความนิยม จำนวน 20 ราย เพื่อวิเคราะห์มุมมองธุรกิจโรงเรียนนานาชาติในเชิงลึกมากขึ้น

เด็กเกิดน้อย กระทบ "โรงเรียนนานาชาติ" ระยะยาว

โดยพบว่า ในปี 2566 รายได้รวมเติบโตอย่างก้าวกระโดดเป็น 7,327 ล้านบาท (+28.04% เมื่อเทียบกับปี 2565) ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการขยายฐานนักเรียนและอาจรวมถึงการเพิ่มค่าเล่าเรียนหรือการขยายหลักสูตรเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ปกครองที่ต้องการการศึกษาคุณภาพสูงสำหรับบุตรหลาน

สำหรับโอกาสในการขยายตลาดของโรงเรียนนานาชาติในไทย ไม่เพียงแต่การเพิ่มจำนวนสาขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการตอบสนองความต้องการของผู้เรียนยุคใหม่ ตั้งแต่การเข้าสู่จังหวัดท่องเที่ยวที่มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก การพัฒนาหลักสูตรพิเศษ เช่น STEM (การสอนแบบบูรณาการข้ามกลุ่มสาระวิชา (Interdisciplinary Integration) ของ 4 ศาสตร์สาขาได้แก่ วิทยาศาสตร์ (Science: S) เทคโนโลยี (Technology: T) วิศวกรรมศาสตร์ (Engineer: E)

และคณิตศาสตร์ (Mathematics: M) ) Coding ที่มุ่งเน้นให้นักเรียนฝึกคิดอย่างเป็นระบบ ค้นเจอปัญหาและเงื่อนไข รู้เหตุและผล เข้าใจกระบวนการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหา ซึ่งเป็นทักษะสำคัญและจำเป็นสำหรับเด็กในยุคใหม่ และ AI ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มของตลาดแรงงานในอนาคต พร้อมทั้งการสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ที่เป็นเอกลักษณ์ เน้นการปฏิบัติจริงและการพัฒนาทักษะที่สำคัญสำหรับศตวรรษที่ 21

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจโรงเรียนนานาชาติยังมีความท้าทายที่ต้องเผชิญ เช่น อัตราการเกิดของประชากรที่อาจลดลงในระยะยาว ซึ่งอาจกระทบต่อจำนวนนักเรียนใหม่ในอนาคต นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เช่น ค่าแรงครู และการบำรุงรักษาสิ่งอำนวยความสะดวกที่เพิ่มขึ้น อาจส่งผลต่ออัตรากำไรสุทธิในระยะยาว

โดยเฉพาะในภาวะที่การแข่งขันจากโรงเรียนต่างชาติในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เริ่มรุนแรงขึ้น แต่ยังคงมีโอกาสสร้างการเติบโตผ่านช่องทางการตลาดอื่นๆ ได้ เช่น การตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มผู้ลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth) ซึ่งให้ความสำคัญกับคุณภาพการศึกษาที่เหนือกว่า

และการพัฒนาหลักสูตรเฉพาะที่สอดคล้องกับทักษะที่จำเป็นในโลกอนาคต เช่น STEM, Coding และ AI รวมถึงการขยายสู่จังหวัดท่องเที่ยวที่มีศักย ภาพ เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ และพัทยา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่มากและมีแนวโน้มที่จะสร้างรายได้ในระยะยาว

อ่านข่าว:

 เปิดเกมเที่ยวไทย เจาะตลาด"ยุโรป-อินเดีย" แทนนักเที่ยวแดนมังกร

ไทยโชว์ “คลังข้าวโลก” ยกระดับอุตฯข้าวไทยแข่งตลาดโลก

ส่งออกเม.ย.ขยายตัว10.2% สะท้อนเศรษฐกิจไทยยังเข้มแข็ง จับตาครึ่งปีหลังเสี่ยงสูง