ส่อง 7 ตัวเต็ง ว่าที่ “ผู้ว่าแบงก์ชาติ” คนที่ 25 กุมบังเหียนการเงินไทย

30 ก.ย. 2568 "นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ”ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)จะสิ้นสุดวาระการตำแหน่ง และวันที่ 2 ก.ค.นี้จะมีผู้มารับไม้ต่อ เป็นผู้ว่าแบงค์ชาติคนที่ 25 จากจำนวนผู้ฝ่าด่านการสมัครคัดเลือก 7 คน ทั้งหมดล้วนเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ทั้ง นักการเงิน นักธุรกิจและสายวิชาการ แน่นอน ปฎิเสธไม่ได้ว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าวล้วนได้รับการสนับสนุนจากฟากฝั่ง นายแบงก์ การเมือง และกลุ่มนักธุรกิจ จึงน่าสนใจว่า ใครจะสามารถเข้าวินมากุมบังเหียนนโยบายด้านการเงินของประเทศ

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยคนปัจจุบัน

“ไทยพีบีเอสออนไลน์” พาไปส่องประวัติ ความเชี่ยวชาญของ "ว่าที่ผู้ว่าแบงก์ชาติ" ที่จะต้องเข้ามาแก้ปัญหาและผลักดันนโยบายการเงินของไทย ในฐานะผู้คนบริหารใหม่ ที่ต้องทำงานรวมกับทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็น การเมือง ภาคเอกชน รับมือกับความเปลี่ยนแปลงของโลกการเงินที่ผันผวนในปัจจุบัน

ประเดิมที่  “ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล”  กรรมการรองผู้จัดการธนาคารกรุงเทพ นักเศรษฐศาสตร์ที่มีบทบาทในการนำเสนอคิดด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศและเศรษฐกิจไทยเชี่ยวชาญทั้งด้านเศรษฐศาสตร์ การเงิน และตลาดทุน มีประสบการณ์ทำงาน ทั้งในตำแหน่งภาครัฐและเอกชน ปัจจุบันเป็นกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ (BBL ) ถือว่าเป็นอดีตลูกหม้อของ ธปท.ที่ตัดสินใจลงชิงตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท.ในครั้งนี้รวมทั้งยังเป็นประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) และอุปนายกสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย

“ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล” กรรมการรองผู้จัดการธนาคารกรุงเทพ

ในอดีตเคยเป็นทั้งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พล.อ. ประ ยุทธ์ จันทร์โอชา , ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีมีบทบาทสำคัญในการทำงานด้านนโยบายการเงิน นโยบายเศรษฐกิจมหภาค นโยบายสถาบันการเงิน และแผนพัฒนาตลาดทุนร่วมกับหน่วยงานสำคัญทั้ง ธปท.และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)

ถัดมา คือ นายวิทัย รัตนากร” ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน นายธนาคารอีกคนหนึ่งที่ได้รับแรงหนุนจากฝั่งการเมือง ซึ่งในระหว่างที่รับรับตำแหน่งผู้อำนวยการธนาคารออมสินเมื่อปี 2563 มีบทบาทสำคัญ ในการผลักดันนโยาย Social Bank หรือธนาคารเพื่อสังคม พร้อมทั้งนำธนาคารออมสินเข้าสู่ธุรกิจ Non-Bank อย่างเต็มตัว รวมทั้งผลักดันการเข้าช่วยเหลือกลุ่มเอสเอ็มอีให้เข้าถึงสินเชื่อในระบบมากขึ้น

“นายวิทัย รัตนากร” ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน

ถือว่ามีบทบาทในการสนับสนุนนโยบายการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนของรัฐบาลปัจจุบัน โดยเฉพาะเป็นหัวหอกในการผลักดันโครงการคุณสู้เราช่วย รวมถึงพร้อมดำเนินการนโยบายแฮร์คัตหนี้ให้ประชาชนที่รัฐบาลกำลังเตรียมการ ซึ่งธนาคารออมสินวางแผนที่จะยกหนี้หรือผ่อนปรนหนี้ให้ประชาชนที่มูลหนี้ไม่สูงถึง 500,000 คน

ลำดับ 3 “ดร.สมประวิณ มันประเสริธ” อดีตรองผู้จัดการใหญ่ นักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มที่ปรึกษานายกรัฐบาล หรือที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก รวมทั้งได้รับแรงสนับสนุนจากเครือข่าย นายบรรยง พงษ์พานิช มีประสบการณ์หลากหลายทั้ง เศรษฐศาสตร์และการเงิน คลุกคลีอยู่ในวงการแบงก์มานับไม่ถ้วน ปัจจุบันเป็น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงาน Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ และดำรงตำแหน่งกรรมการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

“ดร.สมประวิณ มันประเสริธ" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงาน Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ และดำรงตำแหน่งกรรมการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

จุดแข็งของดร.สมประวิณ คือ ความเข้าใจบริบทของเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างดี นำข้อเท็จจริงจากข้อมูลที่หลากหลายมาวิเคราะห์เพื่อนำไปสู่ข้อเสนอแนะทางนโยบายอย่างมียุทธศาสตร์ การจัดลำดับความสำคัญของนโยบายในสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนสูง และการจัดการประเด็นขัดแย้งอย่างเป็นระบบ

คนที่ 4 “ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ” มีบทบาทสำคัญในสถาบันปรีดี พนมยงค์และมูลนิธิปรีดี พนมยงค์ ซึ่งเป็นองค์กรที่มีความพยายมขับเคลื่อนแนวคิดทางสังคมเพื่อยกระดับประเทศ เคยลงสมัครครั้งก่อน เมื่อปี 2563 และกลับมาสมัครในครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งถือว่าเป็นนักเศรษฐศาสตร์อีกคนที่มีการนำเสนอความเห็นทางเศรษฐกิจและสังคมมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการผลักดันให้ประเทศไทยพ้นประเทศรายได้ระดับปานกลาง

“ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ” นักเศรษฐศาสตร์

ในอดีตมีบทบาทในสถาบันการศึกษา เช่น ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป สถาบันเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต , คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต รวมถึงเคยเป็นกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย ขณะที่มีทำงานร่วมกับภาครัฐได้มีบทบาทในคณะกรรมการกำกับและบริหารนโยบายหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง รวมถึงผลงานเขียนและงานวิจัยสำคัญหลายรายการ เช่น วงจรสถิติในรอบ 15 ปี กับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ สำนักงานสถิติแห่งชาติ รวมถึงการวิจัยโครงการมองอนาคตรัฐวิสาหกิจไทย สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง

ส่วนคนที่ 5 “ดร.รุ่ง มัลลิกะมาส” รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท.หนึ่งใน 2 ของผู้สมัครที่เป็นผู้หญิงที่มาสมัครเป็นผู้ว่าแบงก์ชาติได้รับแรงสนับสนุนจากบรรดานายแบงก์ ซึ่งเป็นผู้ที่คร่ำหวอดในแวดวงการเงินมานานกว่า 20 ปี เคยเป็นกรรมการในคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) โดยเก้าอี้บริหารใน ธปท.เคยดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าการ ด้านบริหาร , ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน และผู้ช่วยผู้ว่าการ สายเสถียรภาพการเงินและยุทธศาสตร์องค์กรน่าจะเป็นผู้ว่า ธปท.ที่เข้าใจอุตสาหกรรมธนาคารได้ดีคนหนึ่งของประเทศ

“ดร.รุ่ง มัลลิกะมาส” รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท.

ปัจจุบัน เป็นรองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท.และกรรมการในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (กกธ.) รวมถึงคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) และคณะกรรมการระบบการชำระเงิน (กรช.) เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดการเงิน และผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ซึ่งมีส่วนร่วมสำคัญในการวางกลยุทธ์ของ ธปท. ผ่านมาตรการตลาดการเงินและการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจการเงินทั้งในภาวะปกติและภาวะวิกฤติ

ลำดับ 6 “ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทอบาคัส ดิจิทัล จำกัด ได้รับการสนับสนุนจากบุคคลที่มีบทบาทเบื้องหลังทางการเมืองระดับ “คุณหญิง” เรียกได้ว่ามากบารมีจากฝั่งการเมืองก็ว่าได้เพราะ “อมรวิวัฒน์” เป็นตระกูลใหญ่และมีบทบาทไม่น้อยในแวดวงการเมืองในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะภายใต้รัฐบาลนี้ที่ยังมีลูกพี่ลูกน้องคือ “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังในโควต้าพรรคเพื่อไทย

ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทอบาคัส ดิจิทัล จำกัด

โดยปัจจุบัน ดร.สุทธาภา ลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทอบาคัส ดิจิทัลจำกัดและเคยดำรงตำแหน่งรองผู้จัดการใหญ่ และ Chief Economist ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) บริหารสายงาน Economic Intelligence Center และดูแลสายงานวิเคราะห์ความเสี่ยงนอกจากนี้มีประสบการณ์ทำงานกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) , สายงานบริหารความเสี่ยงของกลุ่มการเงิน ING ประเทศเนเธอร์แลนด์

ปิดท้ายที่ “นายวิกรานต์ ศุภมงคล” อดีตประธานกรรมการผู้จัดการบริษัท ทูแคปปิตอล หลานชายของ "กันตธีร์ ศุภมงคล" อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและเคยสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ถือว่าเป็น นักธุรกิจและนักการเมืองรุ่นใหม่ที่มีบทบาทในวงการการเงิน การลงทุน และอสังหาริมทรัพย์

ปัจจุบัน ตำแหน่งประธานกรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัท ทูแคปปิตอล จำกัด หนึ่งในกลุ่มบริษัท ทู อินเตอร์กรุ๊ป ที่มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปีในการบริหารโครงการขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ เช่น สนามกอล์ฟรถไฟหัวหิน 480 ไร่ และพื้นที่ย่าน RCA 78 ไร่มีเป้าหมายในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับเมกะโปรเจกต์ รวมถึงโครงการที่อยู่อาศัยด้านสุขภาพและการกีฬาใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ

นอกจากนี้ยังดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารของบริษัท ทู เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ซึ่งได้เสนอแผนพัฒนาระบบจอดรถอัตโนมัติให้กับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานและความปลอดภัยของที่จอดรถในสนามบิน

หลังจากนี้กระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร จากนั้นคณะกรรมการคัดเลือกผู้ว่าการ ธปท. จะประชุมในวันที่ 20 มิ.ย. เพื่อพิจารณาเลือกผู้สมัครเพื่อเข้ารับการสัมภาษณ์

และในวันที่ 24 มิ.ย. จะมีการสัมภาษณ์ แสดงวิสัยทัศน์ และเมื่อได้ผู้ที่เหมาะสมก็นำเสนอรายชื่อต่อรมว.คลัง ในวันที่ 2 ก.ค. ก่อนจะเสนอ ครม. เพื่อทูลฯ โปรดเกล้าแต่งตั้งต่อไป คงต้องรอลุ้นว่า “ใคร”ก้าวเข้ามานั่งกุมบังเหียนแบงก์ชาติคนที่ 25 คนต่อไป

 อ่านข่าว:

 คลัง สรุป 7 ผู้สมัคร “ผู้ว่าแบงก์ชาติ” คาดรู้ผล 2 ก.ค.68

กกร.หั่น GDP ปี 68 เหลือร้อยละ 1.5-2

การค้าโลกป่วนอีกรอบ "ศาลสหรัฐฯ" พลิกคำสั่ง อนุมัติ “ทรัมป์” เก็บภาษีต่อ