ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

เลิกจ้างไม่ได้รับเงินชดเชยทำอย่างไรดี รู้สิทธิของลูกจ้างหาก "ถูกเลิกจ้าง"

ไลฟ์สไตล์
15:31
334
 เลิกจ้างไม่ได้รับเงินชดเชยทำอย่างไรดี รู้สิทธิของลูกจ้างหาก "ถูกเลิกจ้าง"

ชีวิตไม่ได้มีแค่ขาขึ้น บางครั้งมันก็มีจังหวะขาลง โดยเฉพาะในยุคเศรษฐกิจที่คาดเดาได้ลำบากแบบนี้ การเตรียมตัวให้พร้อมรับความเปลี่ยนแปลงจึงไม่ใช่แค่เรื่อง "ควรทำ" แต่กลายเป็น "ต้องทำ" ไปแล้ว

ในขณะที่ผู้คนต่างพยายามวิ่งหางานเพื่อความมั่นคงในชีวิต เพราะ "งาน" ก็คือ "เงิน" และเงินก็คือเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงชีวิตและครอบครัว อีกด้านหนึ่ง บริษัทเองก็ต้องปรับเพื่อลดต้นทุนให้ธุรกิจได้เดินต่อ บางครั้งหมายถึงการลดคน ลอยแพลูกจ้างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นแหละ ปัญหาจึงตามมา

บางคนโดนเลิกจ้างฟ้าผ่า ไม่รู้เนื้อรู้ตัว เหตุการณ์ถูกเลิกจ้างจึงมีให้เห็นมากขึ้น โดนเชิญออกแบบไม่มีแม้แต่คำเตือนล่วงหน้า โดนเชิญออกแบบไม่มีแม้แต่คำเตือนล่วงหน้า จนตั้งตัวไม่ทัน และบางคนไม่ได้รับเงินชดเชยด้วยซ้ำ ทำให้เกิดปัญหาตามมา

ฉะนั้นหากมีคนใกล้ตัว เจอเหตุการณ์นี้จะทำอย่างไร เรียกร้องอะไรได้บ้าง บางกรณีอาจไม่ได้รับเงินชดเชยด้วยซ้ำ แล้วต้องทำอย่างไร รู้ไว้ก่อนไม่เสียหาย เพราะวันหนึ่งมันอาจเป็นเรื่องของเรา

"เลิกจ้าง" ก็เจ็บพอแล้ว หากไม่ได้ "เงินชดเชย" ด้วยพอเลย  

อ่านข่าว : เคล็ดวิธีรับมือ เมื่อมนุษย์เงินเดือน "ถูกเลิกจ้าง-ตกงาน" กะทันหัน

"เงินชดเชยเลิกจ้าง" คืออะไร 

 "เงินชดเชยเลิกจ้าง" คือ เงินที่นายจ้างต้องจ่ายให้กับลูกจ้างเมื่อนายจ้าง เลิกจ้างโดยไม่มีความผิดของลูกจ้าง ตามที่กฎหมายคุ้มครองแรงงานกำหนดไว้ เช่น กรณีลดจำนวนพนักงาน หรือเป็นการปรับเปลี่ยนโครงสร้างภายใน โดย ไม่ใช่การลาออกหรือถูกไล่ออกเพราะทำผิดร้ายแรง  

ค่าชดเชย หากนายจ้างเลิกจ้างโดยลูกจ้างไม่มีความผิด

ลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าชดเชย หากนายจ้างเลิกจ้างโดยลูกจ้างไม่มีความผิด ดังนี้

• ทำงานติดต่อกันครบ 120 วัน แต่ไม่ครบ 1 ปี มีสิทธิได้รับค่าชดเชย เท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 30 วัน

• ทำงานติดต่อกันครบ 1 ปี แต่ไม่ครบ 3 ปี มีสิทธิได้รับค่าชดเชยเท่ากับ ค่าจ้างอัตราสุดท้าย 90 วัน

• ทำงานติดต่อกันครบ 3 ปีแต่ไม่ครบ 6 ปี มีสิทธิได้รับค่าชดเชยเท่ากับ ค่าจ้างอัตราสุดท้าย 180 วัน

• ทำงานติดต่อกันครบ 6 ปี แต่ไม่ครบ 10 ปี มีสิทธิ์ได้รับค่าชดเชยเท่ากับ อัตราค่าจ้างสุดท้าย 240 วัน

• ทำงานติดต่อกันครบ 10 ปีขึ้นไป มีสิทธิ์ได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้าง อัตราสุดท้าย 300 วัน

ในกรณีที่ "นายจ้าง" จะ "เลิกจ้างลูกจ้าง" เพราะเหตุปรับปรุงหน่วยงาน กระบวนการผลิตการจำหน่าย หรือการบริการอันเนื่องมาจากการนำเครื่องจักรมาใช้ หรือเปลี่ยนแปลงเครื่องจักรหรือเทคโนโลยี ซึ่งเป็นเหตุให้ต้องลดจำนวนลูกจ้างลง นายจ้างต้องปฏิบัติ ดังนี้

  • แจ้งวันที่จะเลิกจ้าง เหตุผลของการเลิกจ้างและรายชื่อลูกจ้างที่จะถูกเลิกจ้าง ให้ลูกจ้างและพนักงานตรวจแรงงาน ทราบล่วงหน้าไม่ น้อยกว่า 60 วันก่อนวันที่จะเลิกจ้าง
  • หากไม่แจ้งแก่ลูกจ้างที่จะเลิกจ้างทราบล่วงหน้า หรือแจ้งล่วงหน้าน้อยกว่าระยะเวลา 60 วัน นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยพิเศษแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่ลูกจ้างเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้ายหกสิบวัน หรือเท่ากับค่าจ้างของการทำงาน 60 วัน สุดท้ายสำหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่า จ้างตามผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วย

ค่าชดเชยแทนการบอกกล่าวล่วงหน้านี้ ให้ถือว่านายจ้างได้จ่ายค่าสินจ้างแทน การบอกกล่าวล่วงหน้าตามกฎหมายด้วยนายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยพิเศษเพิ่มขึ้นจากค่าชดเชยปกติดังต่อไปนี้ 

1. ลูกจ้าง ทำงานติดต่อกันครบ 6 ปีขึ้นไป นายจ้างจะต้องจ่ายค่าชดเชย พิเศษเพิ่มขึ้นจากค่าชดเชยปกติซึ่งลูกจ้างนั้นมีสิทธิได้รับอยู่แล้ว ไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้ายสิบห้าวันต่อการทำงานครบ 1 ปี หรือไม่น้อยกว่าค่าจ้างของการทำงาน 15 วันสุดท้ายต่อการทำงาน ครบ 1 ปี สำหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วย

2. ค่าชดเชยพิเศษนี้รวมแล้วต้องไม่เกินค่าจ้างอัตราสุดท้าย 360 วัน หรือไม่เกินค่าจ้างของการทำงาน 360 วันสุดท้าย สำหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วย แต่รวมแล้วต้องไม่เกินค่าจ้างอัตราสุดท้าย 360 วัน

3. เพื่อประโยชน์ในการคำนวณค่าชดเชยพิเศษ เศษของระยะเวลาทำงานที่มากกว่า 180 วัน ให้นับเป็นการทำงานครบ 1 ปี

ในกรณีที่ "นายจ้าง" ย้ายสถานประกอบกิจการไปตั้ง ณ สถานที่อื่นอันมีผลกระทบ สำคัญต่อการดำรงชีวิตตามปกติของลูกจ้างหรือครอบครัว

1. นายจ้างต้องแจ้งล่วงหน้าให้แก่ลูกจ้างทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วันก่อน ย้าย หากลูกจ้างไม่ประสงค์จะไปทำงานด้วย ลูกจ้างมีสิทธิ์บอกเลิกสัญญาจ้างได้โดยได้รับค่าชดเชยพิเศษไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของอัตราค่าชดเชยปกติที่ลูกจ้างพึงมีสิทธิ์ได้รับ

2. หากนายจ้างไม่แจ้งให้ลูกจ้างทราบการย้ายสถานประกอบกิจการล่วงหน้า นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยพิเศษ แทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 30 วัน

ข้อยกเว้นที่นายจ้างไม่ต้องจ่าย "ค่าชดเชย" 

ข้อยกเว้นที่นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย ลูกจ้างไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชยในกรณีใดกรณีหนึ่ง ดังนี้

1. ลูกจ้างลาออกเอง

2. ทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง

3. จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย

4. ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง

5. ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานหรือระเบียบ หรือคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม และนายจ้างได้ตักเตือนเป็นหนังสือแล้ว เว้นแต่กรณีที่ร้ายแรงนายจ้างไม่จำเป็นต้องตักเตือน ซึ่งหนังสือเตือนนั้นให้มีผลบังคับได้ไม่เกิน 1 ปี นับแต่วันที่ลูกจ้างได้กระทำผิด

6. ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลา 3 วันทำงานติดต่อกัน ไม่ว่าจะมีวันหยุดคั่นหรือไม่ก็ตาม โดยไม่มีเหตุอันสมควร

7. ได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก

8. กรณีการจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาการจ้างไว้แน่นอน และนายจ้างเลิกจ้าง ตามกำหนดระยะเวลานั้น ได้แก่งานดังนี้

  • การจ้างงานในโครงการ เฉพาะที่มิใช่งานปกติของธุรกิจหรือ การค้าของนายจ้างซึ่งต้องมีระยะเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดของงานที่แน่นอน
  • งานอันมีลักษณะเป็นครั้งคราว ที่มีกำหนดงานสิ้นสุดหรือความสำเร็จของงาน
  • งานที่เป็นไปตามฤดูกาล และได้จ้างในช่วงเวลาของฤดูกาลนั้นซึ่งจะต้องแล้วเสร็จภายในเวลาไม่เกิน 2 ปี โดยนายจ้างได้ทำสัญญาเป็นหนังสือไว้ตั้งแต่เมื่อเริ่มจ้าง

ทำอย่างไรเมื่อถูกเลิกจ้างโดยโดยไม่เป็นธรรม - ไม่ได้รับค่าชดเชย

เมื่อถูกเลิกจ้างแล้วไม่ได้รับเงินชดเชยตามกฎหมาย สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจสิทธิและขั้นตอนที่สามารถดำเนินการได้ คือ ยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงาน สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ซึ่งสำนักงานดังกล่าวมีหน้าที่ให้ความช่วยเหลือและบริการไกล่เกลี่ยเพื่อช่วยแก้ไขข้อพิพาทระหว่างลูกจ้างและนายจ้าง

หรือใช้สิทธิทางศาล โดยยื่นฟ้องต่อ "ศาลแรงงาน" ซึ่งสำนักงานของนายจ้างอยู่ในเขตอำนาจ เพียงเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการถูกเลิกจ้างไม่เป็นธรรม และยื่นฟ้องต่อศาลแรงงานได้ ซึ่งศาลแรงงานมีอำนาจในการพิจารณาคดีข้อพิพาทแรงงาน เช่น การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ข้อพิพาทเรื่องค่าชดเชย และการไล่ออกที่ไม่เป็นธรรม

ศาลแรงงานจะพิจารณาในหลักการประนีประนอมก่อน หากไม่สามารถตกลงกันได้ ศาลอาจสั่งให้นายจ้างรับลูกจ้างกลับเข้าทำงานในตำแหน่งเดิม หรือหากไม่สามารถทำงานร่วมกันได้อีก ศาลอาจกำหนดให้นายจ้างจ่ายค่าเสียหายเพิ่มเติมให้แก่ลูกจ้าง โดยศาลจะพิจารณาจากอายุของลูกจ้าง ระยะเวลาการทำงาน ความเดือดร้อน มูลเหตุแห่งการเลิกจ้างและเงินค่าชดเชยที่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับ

การร้องทุกข์ของลูกจ้าง

1. ลูกจ้างเรียกร้องสิทธิของตนอันเนื่องมาจากการฝ่าฝืนกฎหมายแรงงาน ของนายจ้างได้โดย

  • ลูกจ้างนำคดีไปฟ้องศาลแรงงาน
  • ลูกจ้างยื่นคำร้องทุกข์ต่อพนักงานตรวจแรงงาน

2.การยื่นคำร้องทุกข์ของลูกจ้างหรือทายาท

  • ยื่นคำร้องทุกข์ตามแบบที่อธิบดีกำหนด
  • ยื่นต่อพนักงานตรวจแรงงานในท้องที่ที่ลูกจ้างทำงานอยู่ หรือที่นายจ้าง มีภูมิลำเนา หรือท้องที่ที่ลูกจ้างมีภูมิลำเนาอยู่ก็ได้

3. การพิจารณาคำร้องทุกข์ของพนักงานตรวจแรงงาน

  • สอบสวนข้อเท็จจริงจากนายจ้าง ลูกจ้าง และพยานโดยเร็ว รวมทั้งการรวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
  • เมื่อสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว ต้องมีคำสั่งให้นายจ้างจ่ายเงิน หรือยกคำร้องทุกข์ของลูกจ้างอย่างใดอย่างหนึ่ง
  • การรวบรวมข้อเท็จจริง และการมีคำสั่ง ต้องกระทำให้แล้วเสร็จ ภายใน 60 วัน นับแต่วันรับคำร้องทุกข์ไว้ดำเนินการ
  • ถ้าไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน ให้ขอขยายระยะเวลา ต่ออธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัดโดยขอขยายระยะเวลาได้ไม่เกิน 30 วัน

4. การยุติข้อร้องทุกข์ระหว่างสอบสวนข้อเท็จจริง

  • ลูกจ้างสละสิทธิการเรียกร้องทั้งหมด
  • ลูกจ้างสละสิทธิเรียกร้องแต่บางส่วน โดยนายจ้างยินยอมจ่ายเงินบางส่วน แก่ลูกจ้าง
  • นายจ้างยินยอมจ่ายเงินทั้งจำนวน แก่ลูกจ้าง

อ้างอิง : กระทรวงแรงงาน, ธนาคารไทยพาณิชย์ 

อ่านข่าว : ผู้ว่าฯ เชียงราย เยี่ยมศูนย์ฯ ตรวจมลพิษ น้ำกก-แม่สาย-แม่โขง

หามครู-นักเรียน 22 คน ส่ง รพ.อาหารเป็นพิษ หลังกินข้าวมันไก่

"ประศาสน์" นำทัพถก JBC ปมเขตแดนไทย-กัมพูชา เคลียร์ช่องบก