เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.2568 เจ้าหน้าที่กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ หรือ เนชันแนล การ์ด ประจำการในลอสแองเจลิส ช่วงเช้าวันอังคารตามเวลาท้องถิ่นที่สหรัฐฯ หลังผ่านคืนที่ 4 ของสถานการณ์ประท้วงตึงเครียด จากการปราบปรามผู้อพยพ
ตอนนี้มีเนชันแนล การ์ด ถึง 4,000 นาย ที่ถูกส่งเข้าประจำการ ในสถานการณ์นี้ แม้จะมีการคัดค้านจาก แกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย และผู้นำท้องถิ่นอื่น ๆ
และมีรายงานว่า นาวิกโยธินสหรัฐฯ หลายร้อยนายจะเดินทางมาถึงแอลเอ และคาดว่าจะมีเพิ่มเติมอีก หลังจากวานนี้ กองทัพสั่งส่งนาวิกฯ 700 นาย ลงพื้นที่ แม้รัฐบาลท้องถิ่นจะระบุว่า คำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งที่ละเมิดกฎหมายของประเทศและอธิปไตยของรัฐก็ตาม ขณะที่ภาพล่าสุดไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาพบความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายในหลายจุดที่แอลเอ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐบาลกลาง ขอให้ศาลออกคำสั่งห้ามส่งทหารสหรัฐฯ ลงพื้นที่ของรัฐ โดยเฉพาะในลอสแองเจลิส นิวซัม ระบุว่า การส่งทหารที่ผ่านการฝึกสู้รบลงถนน เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและคุกคามประชาธิปไตยของเรา ทรัมป์ประพฤติตัวเหมือนเผด็จการ ไม่ใช่ประธานาธิบดี จึงขอให้ศาลหยุดการกระทำผิดกฎหมายเหล่านี้ทันที

ผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางปฏิเสธคำร้องฉุกเฉินของผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย แต่แม้ว่าการตัดสินนี้จะทำให้แผนการของนิวซัมที่ต้องการขับกองกำลังทหารออกจากรัฐทันทีไม่ได้เกิดขึ้น แต่ศาลจะยังมีการพิจารณาคำร้องนี้ต่อ เพราะผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐฯ กำหนดให้มีการพิจารณาคดีในบ่ายวันพฤหัสบดีที่ 12 มิ.ย. ที่จะถึงนี้ เพื่อให้รัฐบาลทรัมป์มีเวลาตอบโต้ชี้แจงคำร้องของแคลิฟอร์เนีย
ทางด้าน ปธน.สหรัฐฯ ลงพื้นที่รัฐนอร์ทแคโรไลนา พบปะทหารที่ฟอร์ตแบรกก์ และกล่าวบนเวทีโดยอ้างว่า ลอสแองเจลิสกำลังถูก "ศัตรูต่างชาติ" บุกรุก และระบุว่า "จะไม่ยอมให้เมืองอเมริกันถูกบุกรุกและยึดครองโดยศัตรูต่างชาติ" นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังกล่าวหานิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย และ คาเรน บาสส์ นายกเทศมนตรีลอสแองเจลิส ว่าพวกเขาว่าจ้างผู้ก่อกวน นักยุยง และผู้ก่อการกบฏ โดยไม่ได้แสดงหลักฐานยืนยัน
ก่อนหน้านี้ ผู้นำสหรัฐฯ ยังกล่าวถึงการหยิบยกกฎหมายปราบปรามความไม่สงบมาใช้ด้วย โดย กฎหมายดังกล่าว (Insurrection Act of 1807) คือกฎหมายของสหรัฐอเมริกาที่ให้อำนาจประธานาธิบดีในการนำกองทัพสหรัฐฯ หรือสั่งให้หน่วยเนชันแนล การ์ด ของแต่ละรัฐเข้ามาปฏิบัติการในประเทศ เพื่อระงับเหตุการณ์จลาจล การก่อกบฏ หรือความไม่สงบภายในประเทศ
กฎหมายนี้ถือเป็นข้อยกเว้นสำคัญของกฎหมาย Posse Comitatus Act ที่ปกติจะห้ามกองทัพกลางเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายพลเรือนในประเทศ
ตอนนี้การประท้วงต่อต้านการปราบปรามผู้อพยพของรัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ได้กระจุกอยู่แค่ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ในลอสแอนเจลิส หรือซานฟรานซิสโกอีกต่อไป แต่พบความเคลื่อนไหวทั่วประเทศ สังเกตได้ว่าจะอยู่ในรัฐที่มีผู้อพยพจำนวนมาก โดยเฉพาะทางตะวันตก ริมชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก และริมชายฝั่งตะวันออกติดกับมหาสมุทรแอตแลนติก รวมมากกว่า 10 เมืองทั่วประเทศ ทั้ง ซานตาแอนา และ ซานฟรานซิสโก ในแคลิฟอร์เนีย ขึ้นไปถึง ซีแอตเทิล และลงมาที่รัฐเท็กซัส ทั้งดัลลัสและออสติน ข้ามฝั่งไปที่นิวยอร์ก พิตต์สเบิร์ก ดี.ซี.

ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นตามเมืองใหญ่ต่าง ๆ ส่วนมาก อยู่ในจุดที่ได้ชื่อว่ามีสถานะเป็น Sanctuary พื้นที่หลบภัยสำหรับผู้อพยพ หรือเมืองที่ใช้นโยบายเป็นมิตรกับผู้อพยพ ซึ่งพวกเขาจะไม่ต้องหวาดกลัวกับการถูกจับ หรือถูกเนรเทศ ด้วยเหตุผลเพียงแค่เรื่องเข้าเมืองผิดกฎหมาย ซึ่งจากข้อมูลของสหพันธ์เพื่อการปฏิรูปการเข้าเมืองอเมริกัน ชี้ว่า ปัจจุบัน มี Sanctuary มากกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ อย่างแอลเอถือเป็น 1 ใน 10 เมืองใหญ่ที่เป็น Sanctuary

ในเมืองเหล่านี้ ในช่วงที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง และ เจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐอเมริกา หรือ ICE ในการจับกุมตัวผู้อพยพ จึงตกเป็นเป้าหมายแรก ๆ ที่ทรัมป์ต้องการจัดการ
สำหรับการกวาดล้างผู้อพยพของรัฐบาลชุดนี้ ในเวลาเพียง 4 เดือนเศษ ๆ ICE จับผู้อพยพไปแล้วมากกว่า 100,000 คน หรือเฉลี่ยมากกว่า 600 คน/วัน สูงกว่ายุคไบเดน 2 เท่า

ข้อมูลทางการ ชี้ว่า มีผู้อพยพในสหรัฐฯ เมื่อปี 2566 มากกว่า 47 ล้านคน หรือคิดเป็น 1 ใน 7 ของประชากรทั้งประเทศ ในจำนวนนี้อยู่ในแคลิฟอร์เนียมากที่สุดกว่า 10 ล้านคน ซึ่งถ้าคิดตามสัดส่วนประชากร จะเห็นว่า แคลิฟอร์เนียมีผู้อพยพมากกว่า 1 ใน 4 ของประชากรทั้งรัฐ ตามมาด้วยนิวเจอร์ซีย์ นิวยอร์ก ฟลอริดา เนวาดา โดยถ้าสังเกตดู รัฐที่มีผู้อพยพจำนวนมาก ๆ มักจะเป็นรัฐฐานเสียงของเดโมแครตด้วย
อ่านข่าวอื่น :
ผู้ว่าฯ แคลิฟอร์เนียฟ้องรัฐบาลกลางส่ง "เนชันแนล การ์ด" คุมม็อบ