กรณีเว็บไซต์หน่วยงานราชการหลายแห่งถูกกลุ่มแฮกเกอร์โจมตีและเปลี่ยนหน้าเว็บไซต์ พร้อมข้อความแสดงตัวจากกลุ่มแฮกเกอร์ 3 กลุ่ม และยังมีข้อความโจมตีประเทศไทยอย่างรุนแรง รวมทั้งขัดขวางการให้บริการ
ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สืบสวนจนพบบัญชีผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ที่เผยแพร่เนื้อหาสนับสนุนการกระทำความผิดของแฮกเกอร์กลุ่มนี้ จนพบความเชื่อมโยงถึงผู้ร่วมวางแผน จึงขอศาลอนุมัติออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้อง พบว่าเป็นชาวกัมพูชา 2 คน โดยเป็นชาย 1 คนและหญิงอีก 1 คน ในความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานงานกับหน่วยงานระหว่างประเทศและเฝ้าติดตามจับกุมผู้ต้องหา เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีในไทย
สำหรับเว็บไซต์ที่ถูกแฮกและโจมตีจากแฮกเกอร์กลุ่มนี้ พบว่ามีทั้งเว็บไซต์ของเทศบาลและหน่วยงานท้องถิ่นในหลายจังหวัด, เว็บไซต์ของโรงเรียน, สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา, สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด, กรมทรัพยากรน้ำบาดาล รวมทั้งเว็บไซต์ของศูนย์ราชการบางจังหวัด ล่าสุดทีมข่าวตรวจสอบพบว่าเว็บไซต์ส่วนใหญ่กลับมาใช้งานได้ตามปกติแล้ว
กรณีดังกล่าวจุดกระแสวิจารณ์ในโลกออนไลน์ โดยมีชาวเน็ตหลายคนตั้งคำถาม เช่น "ทำไมระบบราชการถึงอ่อนแอ แล้วจะเชื่อถือ-เชื่อมั่นได้แค่ไหนว่าข้อมูลทางรัฐจะไม่รั่วไหล" ขณะเดียวกันก็มีชาวเน็ตมาตอบว่า "อาจเข้าได้ถึงแค่หน้าเว็บไซต์ แต่คงเจาะเข้าเซิฟเวอร์ ฐานข้อมูลส่วนกลางไม่ได้" เป็นต้น
อ่านข่าว
เตรียมฝากขัง "สามี" ยิงภรรยาดับในรถ ข้อหาฆ่าโดยเจตนา
ศาลนัดพิจารณาคดี นิวซัม-ทรัมป์ ส่งทหารเพิ่มคุมแคลิฟอร์เนีย
ไทย แพ้ เติร์กเมนิสถาน 1-3 ฟุตบอลเอเชียนคัพ 2027 รอบคัดเลือก