ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ผู้ส่งออก จี้รัฐเร่งแก้ความแออัด “ท่าเรือแหลมฉบัง” หวั่นต้นทุนพุ่ง

เศรษฐกิจ
15:21
228
ผู้ส่งออก จี้รัฐเร่งแก้ความแออัด “ท่าเรือแหลมฉบัง” หวั่นต้นทุนพุ่ง
อ่านให้ฟัง
05:05อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ผู้ส่งออกบี้รัฐบาลเอาจริงแก้ไขปัญหาความแออัดท่าเรือแหลมฉบัง หลังสหพันธ์ขนส่งทำหนังสือเรียกเก็บค่าจอดรถคอยมีผล 1 ก.ค. นี้ หวั่นผู้ส่งออกมีต้นทุนเพิ่มเที่ยวละ 3-5พันล้านบาท อาจส่งส่งออกไทยครั้งปีหลัง สรท.ประเมินว่าต้นทุนอาจเพิ่มขึ้นสูงสุดถึงปีละ 2หมื่นล้าน

วันนี้ ( 12 มิ.ย.2568) นายธนากร เกษตรสุวรรณ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า ปัญหาความแออัดในพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบังมีพยายามแก้ไขตลอดระยะเวลามากกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ยังไม่เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ในทางตรงกันข้ามสถานการณ์ความแออัดในบางช่วงเวลากลับรุนแรงขึ้น โดยสมาชิกของสภารายงานให้ทราบว่า ในบางช่วงเวลารถขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ใช้เวลาในท่าเรือแหลมฉบังต่อเที่ยวสูงสุดถึง 20 ชั่วโมง

นายธนากร เกษตรสุวรรณ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.)

นายธนากร เกษตรสุวรรณ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.)

นายธนากร เกษตรสุวรรณ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.)

ล่าสุดสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยทำหนังสือแจ้งให้ทราบว่าจะมีการเรียกเก็บ ค่าจอดรถรอคอยกรณีรถติดในท่าเรือแหลมฉบัง เพิ่มจากค่าขนส่งปกติอีกเที่ยวละ 3,000-5,000 บาทกรณีจอดรอคอยเกินกว่า 3 ชั่วโมง/ครั้ง/เที่ยว ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2568 เป็นต้นไป

ซึ่งเมื่อพิจารณาจากปริมาณตู้คอนเทนเนอร์บรรจุสินค้าหนักและตู้คอนเทนเนอร์เปล่าซึ่งขนถ่ายผ่านท่าเรือแหลมฉบังในปี 2567 ที่ผ่านมา จำนวน 9,554,673 ทีอียู อาจก่อให้เกิดภาระต้นทุนเพิ่มเติมแก่ผู้ส่งออกและผู้นำเข้าระหว่าง 12,000-20,000 ล้านบาทต่อปี

เป็นมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจที่ใหญ่เกินกว่ารัฐบาลจะเพิกเฉยปล่อยให้ภาคเอกชนรับผิดชอบกันเอง เนื่องจากไม่เพียงแต่จะทำให้สินค้าส่งออกของไทยแข่งขันด้านราคาได้ยากยิ่งขึ้น แต่จะส่งผลให้ประชาชนไทยในฐานะผู้บริโภคย่อมต้องรับภาระค่าขนส่งผ่านราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่เพิ่มขึ้นสูงขึ้นจากต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบและสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น

ประธานสรท. กล่าวอีกว่า ผลกระทบทางอ้อมที่เกิดจากปัญหามลพิษฝุ่นควัน (PM 2.5) จากการปล่อยของเสียรถบรรทุกที่จอดคอยในท่าเรือเป็นระยะเวลานาน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนในพื้นที่เป็นวงกว้าง

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา สรท. ได้นำเสนอสาเหตุของปัญหาทั้งระบบครอบคลุมข้อจำกัดทุกด้าน อาทิ ข้อจำกัดของผู้ส่งออก-นำเข้า ข้อจำกัดของการขนส่งด้วยเรือชายฝั่ง ข้อจำกัดของการขนส่งทางราง ข้อจำกัดด้านโครงสร้างพื้นฐานและระบบการจราจรในท่าเรือ และข้อจำกัดด้านความแออัดของท่าเทียบเรือสัมปทาน ตลอดจนได้จัดทำข้อเสนอที่ครอบคลุมทุกมิติ

ไม่ว่าจะเป็น ด้านการขับเคลื่อนระดับนโยบาย ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านกระบวนการทำงานและเทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านกฎหมายและกฎระเบียบ และด้านอื่นที่เกี่ยวข้อง และได้นำเสนอต่อหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องและผลักดันอย่างใกล้ชิดเพื่อให้มีการแก้ไขปัญหาความแออัดในพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง ตลอดจนได้ติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานมาโดยตลอด

ทั้งนี้สรท.มีสรุปข้อเสนอที่สำคัญดังนี้ ด้านการขับเคลื่อนระดับนโยบาย เช่น จัดตั้ง คณะกรรมการระดับนโยบาย เพื่อสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งจัดทำ Master Plan และ จัดสรรงบเร่งด่วน จัดตั้ง คณะทำงานร่วมระดับปฏิบัติการ เพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วน ปรับปรุงอัตราค่าภาระท่าเรือ เพื่อลดต้นทุนผู้ใช้บริการท่าเรือ

ส่วน ด้านโครงสร้างพื้นฐาน เช่น เร่งพัฒนา ลานวางตู้กลางและ Service / Rest Area ทั้งภายในและภายนอกท่าเรือ เพิ่มสัดส่วนการขนส่งสินค้าทางรางและทางน้ำเข้าออกท่าเรือ ขุดลอกร่องน้ำทางเดินเรือ และแอ่งจอดเรือ เพิ่มการลงทุนในเครื่องมือยกขนตู้สินค้าเป็นต้น

ทั้งนี้การแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน รัฐบาล และการท่าเรือแห่งประเทศไทย จำเป็นต้องจัดหาพื้นที่ในเขตท่าเรือแหลมฉบังให้ผู้ประกอบการท่าเรือคอนเทนเนอร์สามารถเช่าใช้กองเก็บตู้คอนเทนเนอร์ได้อย่างเพียงพอและในอัตราค่าเช่าที่ต่ำที่สุดที่เป็นไปได้ เพื่อลดปัญหาความแออัดในท่าเทียบเรือในทันที พร้อมทั้งเร่งดำเนินมาตรการทั้งระยะสั้น กลาง ยาว ตามข้อเสนอแต่ละด้านอย่างจริงจังต่อไป

อ่านข่าว:

เจาะลึกส่งออกสินค้าเกษตร ไทย "แชมป์" ตลาดโลก ปี 2567 

รัฐปรับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ หนุนดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค พ.ค.ดีขึ้น

“พณ.”ถกสิงคโปร์ เร่งสรุป DEFA หวังยกระดับอาเซียนศูนย์กลางดิจิทัล