วันนี้ (11 มิ.ย.2568) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงผลการหารือกับนายกาน คิม ยอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมสิงคโปร์ ในระหว่างการประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Council) ครั้งที่ 25 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่า ไทยและสิงคโปร์เห็นพ้องจะเร่งสรุปการเจรจาความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน (DEFA) ภายในปีนี้ เพื่อยกระดับอาเซียนในการเป็นศูนย์กลางดิจิทัลของภูมิภาค และจะร่วมกันรักษาโมเมนตัมการเจรจาให้ข้อตกลงมีมาตรฐานสูง

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์
ทั้งนี้ ไทยในฐานะประธานคณะกรรมการเจรจา DEFA พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนให้กรอบตกลงนี้สรุปผลได้โดยเร็ว และได้เสนอกับนายซาฟรูล อาซิส ในฐานะประธานรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนแล้วถึงความพร้อมของไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนสมัยพิเศษ ในเร็ว ๆ นี้ เพื่อเร่งรัดการเจรจาและสร้างฉันทามติในประเด็นสำคัญ โดยมุ่งหวังให้ DEFA เป็นกลไกหลักในการยกระดับเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาค และเสริมความแข็งแกร่งของอาเซียนในการรับมือกับความท้าทายของเศรษฐกิจโลก
รมว.พาณิชย์ กล่าวอีกว่า ได้เชิญชวนให้สิงคโปร์นำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มเติม โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ ข้าวขาว และข้าวเพื่อสุขภาพ รวมทั้งเร่งกระบวนการตรวจประเมินสินค้าเกษตร เช่น ไข่ไก่เลี้ยงแบบปล่อยอิสระ พร้อมเสนอให้พิจารณาเปิดตลาดเพิ่มเติมสำหรับสินค้าเกษตรใหม่ ๆ เช่น เลือดสุกรสุก และเนื้อไก่ดิบนวดเครื่องปรุงแช่แข็ง เพื่อตอบสนองต่อผู้บริโภคที่มีความต้องการที่หลากหลาย

นายกาน คิม ยอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมสิงคโปร์ หารือการประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Council) ครั้งที่ 25 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
นายกาน คิม ยอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมสิงคโปร์ หารือการประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Council) ครั้งที่ 25 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
สำหรับสิงคโปร์ได้แสดงความสนใจลงทุนในไทยต่อเนื่อง โดยเฉพาะด้านพลังงานสะอาด อิเล็กทรอนิกส์ บริการทางการเงิน และอุตสาหกรรมดิจิทัล พร้อมชื่นชมความพยายามของไทยในการสร้างบรรยากาศการลงทุนที่เอื้อต่อภาคเอกชน การสนับสนุนบทบาทความเป็นกลางของอาเซียนในการรักษาความสัมพันธ์กับคู่ค้าระดับโลกอย่างสมดุล และร่วมมือกันเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานในภูมิภาคผ่านโครงการเชื่อมโยงพลังงานไฟฟ้าในอาเซียนอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้สิงคโปร์เป็นคู่ค้าอันดับที่ 10 ของไทยในโลก และอันดับที่ 4 ของไทยในกลุ่มอาเซียน ในปี 2567 การค้ารวมไทย-สิงคโปร์ มีมูลค่า 17,758.84 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลด 3.32% เป็นการส่งออก 10,363.82 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 1.21% และนำเข้า 7,395.01 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลด 9.02% โดยไทยได้ดุลการค้า 2,968.81 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

สินค้าส่งออกสำคัญของไทย ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ น้ำมันสำเร็จรูปเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบแผงวงจรไฟฟ้า ขณะที่ไทยนำเข้า เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ เคมีภัณฑ์ พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช แผงวงจรไฟฟ้า จากสิงคโปร์ สำหรับในช่วง 4 เดือนของปี 2568 (ม.ค.–เม.ย.) การค้าสองฝ่ายมีมูลค่า 5,636.49 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยได้ดุลการค้ามูลค่า 899.17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อ่านข่าว:
ชะตากรรม ผู้เสียภาษีไทย “ภายใต้นโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรม รถ EV”
ดันหัตถศิลป์ไทยสู่เวทีโลก SACIT เดินหน้าปั้น New Young Craft
คนไทยติดหรู ก่อหนี้เกินตัว สศช.ชี้หนี้ครัวเรือน ปี 67 พุ่ง 16 ล้านล้าน