วันนี้ (12 มิ.ย.2568) กรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้สอบสวนคดีพิเศษ ในความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 หรือ คดีนอมินี กรณี บริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด เข้าเป็นกิจการร่วมค้า ITD-CREC คู่สัญญาก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ ออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง 5 คน ประกอบด้วย นายโสภณ มีชัย, นายประจวบ ศิริเขตร, นายมานัส ศรีอนันท์, นายชวนหลิง จาง (ชาวจีน) คงเหลือเพียงนายบินลิง วู นายทุนสัญชาติจีน ผู้ต้องหาคนสุดท้ายที่ยังหลบหนี
มีรายงานว่าช่วงเช้าที่ผ่านมานายบินลิง วู พร้อมที่ปรึกษาทางด้านกฎหมายเดินทางเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนดีเอสไอแล้วโดยให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และจะขอทำคำให้การชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อพนักงานอัยการคดีพิเศษ ภายในกรอบระยะเวลา 30 วัน โดยอ้างว่าตลอดระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา ไม่ทราบข่าวว่าตัวเองถูกออกหมายจับ หลังทราบข่าวจึงตัดสินใจเดินทางเข้ามอบตัว เจ้าหน้าที่ดีเอสไอจึงควบคุมตัวไปสั่งฟ้องต่อพนักงานอัยการคดีพิเศษ ส่งฟ้องต่อศาลตามกรอบเวลา
สำหรับนายบินลิง วู และพวก รวมถึงบริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 พนักงานสอบสวนดีเอสไอ ได้สรุปส่งสำนวนพร้อมความเห็นควรสั่งฟ้อง บริษัท ไชน่าเรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) กับพวกรวม 5 คน ส่งมอบพนักงานอัยการคดีพิเศษ สำนักงานคดีพิเศษเพื่อให้พนักงานอัยการมีความเห็นทางคดี โดยเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. พนักงานอัยการคดีพิเศษมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา 5 คน
ในส่วนของความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 36 มาตรา 37 และมาตรา 41 ในทุกข้อหาที่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษกล่าวหา ยกเว้นนายประจวบ ศิริเขตร ซึ่งอัยการสั่งไม่ฟ้อง 1 ข้อหาในความผิดฐานตามมาตรา 41 เนื่องจากไม่ปรากฏหลักฐานว่าเป็นกรรมการบริษัทฯ
อ่านข่าว : คุมตัวขอฝากขังศาล 6 ผู้ต้องหา ขบวนการซื้อยานอกระบบ "หมอแอร์"
ตร.ขยายผลเคส "คลิปวางยาลักหลับ" โยงซื้อยา "พ.ต.อ.หญิง" หรือไม่
แท็กที่เกี่ยวข้อง: