ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ศึกนี้เริ่มขึ้นแล้ว! ผู้นำสูงสุดอิหร่านประกาศกร้าวตอบโต้อิสราเอล

ต่างประเทศ
12:54
873
ศึกนี้เริ่มขึ้นแล้ว! ผู้นำสูงสุดอิหร่านประกาศกร้าวตอบโต้อิสราเอล
อ่านให้ฟัง
09:20อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ผู้นำสูงสุดอิหร่านประกาศศึกนี้เริ่มขึ้นแล้ว ผ่านโลกโซเชียล ตอบโต้การโจมตีของอิสราเอล ด้านทรัมป์ปรามาสคาเมเนอีเป็น "เป้าหมายง่าย" พร้อมเคียงข้างอิสราเอล สถานการณ์วันที่ 6 ปะทะทั้งทางทหารและไซเบอร์ ผู้เสียชีวิตนับร้อยความตึงเครียดที่เปลี่ยนโฉมตะวันออกกลาง

วันนี้ (18 มิ.ย.2568) CNN รายงาน ผู้นำสูงสุดอิหร่าน อยาตอลลาห์ อาลี คาเมเนอี ได้ส่งสัญญาณอันตึงเครียดถึงอิสราเอลในยามรุ่งอรุณผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่า "ศึกนี้เริ่มขึ้นแล้ว" ถ้อยคำเหล่านี้สะท้อนถึงการปะทะกันอย่างรุนแรงที่ดำเนินมาเป็นวันที่ 6 ที่ก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมง ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้กล่าวถึงผู้นำสูงสุดผู้นี้ว่าเป็น "เป้าหมายที่ง่าย" และเน้นย้ำว่า "ความอดทนของอเมริกากำลังจะหมดลง" พร้อมทั้งเรียกร้องให้อิหร่าน "ยอมจำนนอย่างไม่มีเงื่อนไข"

ท่าทีแข็งกร้าวของทรัมป์สอดคล้องกับความคาดหวังในวอชิงตันว่าเขาจะสนับสนุนอิสราเอลในการโจมตีโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านด้วยอาวุธทำลายบังเกอร์ที่สหรัฐฯ มีเพียงผู้เดียว

"คาเมเนอี" ศิษย์เอกโคไมนี นำอิหร่านเผชิญหน้าสหรัฐฯ

การกำหนดเป้าไปที่คาเมเนอีโดยตรงอาจผลักดันตะวันออกกลางเข้าสู่สถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน คาเมเนอี วัย 86 ปี ผู้ปกครองอิหร่านด้วยอำนาจเด็ดขาดเกือบ 4 ทศวรรษ เป็นหนึ่งในบุคคลทรงอิทธิพลที่สุดในภูมิภาคตะวันออกกลาง เขาควบคุมรัฐบาล ตุลาการ และกองทัพของประเทศที่มีประชากร 90 ล้านคน รวมถึงกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน (IRGC) และหน่วยกองกำลัง Quds ซึ่งดูแลกลุ่มพันธมิตรอย่างฮามาส ฮิซบอลเลาะห์ และฮูตี เครือข่ายนี้คือเครื่องมือที่อิหร่านใช้ขยายอิทธิพลและรักษาสมดุลอำนาจในภูมิภาค

คาเมเนอีเกิดในปี 2482 ที่เมืองมาชาด ซึ่งเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของอิหร่าน เขาเป็นศิษย์เอกของอยาตอลลาห์ รูฮอลลาห์ โคไมนี ผู้นำการปฏิวัติอิหร่านในปี 2522 ที่โค่นล้มระบอบกษัตริย์ที่สนับสนุนตะวันตกและสถาปนารัฐอิสลาม คาเมเนอีรอดจากการลอบสังหารในปี 2524 ซึ่งทำให้แขนขวาของเขาใช้การไม่ได้ และขึ้นเป็นผู้นำสูงสุดในปี 2532 หลังโคไมนีเสียชีวิต

ตลอด 3 ทศวรรษ เขาได้ขยายอิทธิพลของอิหร่านไปไกลเกินขอบเขตของตนเองผ่าน "แกนแห่งการต่อต้าน" ขยายอิทธิพลของอิหร่านซึ่งเป็นเครือข่ายกลุ่มติดอาวุธทั่วภูมิภาค วางตำแหน่งให้เป็นมหาอำนาจระดับภูมิภาคที่ต้องได้รับการยอมรับ พร้อมหลีกเลี่ยงความขัดแย้งโดยตรงกับสหรัฐฯ และอิสราเอล

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อฮามาสโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค.2566 สงครามของอิสราเอลในฉนวนกาซาและการโจมตีฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มตัวแทนที่มีค่าที่สุดของอิหร่าน ได้ทำให้อิสราเอลกล้าหาญขึ้น และทำลายภาพลักษณ์ของอิหร่านในฐานะมหาอำนาจที่ไม่อาจเข้าถึงได้ สิ่งนี้บานปลายไปสู่การโจมตีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วต่อโรงงานนิวเคลียร์และผู้นำทางทหารระดับสูงของอิหร่าน

แม้ว่าผู้นำสูงสุดจะส่งสัญญาณที่แข็งกร้าวและไม่ประนีประนอม แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อขีดความสามารถในการป้องกันตนเองของอิหร่านก็เป็นสิ่งที่น่าจับตาอย่างยิ่ง คาเมเนอีได้ประกาศอย่างชัดเจนผ่านบัญชี X ภาษาอังกฤษว่า "เราต้องตอบโต้ระบอบไซออนิสต์ก่อการร้ายอย่างหนัก เราจะไม่แสดงความเมตตาต่อไซออนิสต์" การประกาศนี้ยิ่งเพิ่มระดับความตึงเครียดและชี้ให้เห็นว่าอิหร่านพร้อมที่จะเผชิญหน้าอย่างเปิดเผย

สถานการณ์ภาคพื้นดินยังคงร้อนระอุ กองกำลังป้องกันทางอากาศอิหร่านกำลังสกัดขีปนาวุธเหนือกรุงเตหะราน หลังกองทัพอากาศอิสราเอลระบุว่าโจมตีเป้าหมายในเมืองหลวง อิสราเอลยังเตือนประชาชนในเขต 18 ของเตหะรานให้อพยพผ่านโพสต์บน X โดยระบุว่าจะโจมตีโครงสร้างพื้นฐานทางทหาร และเตือนว่า "การอยู่ในพื้นที่นี้จะทำให้ชีวิตตกอยู่ในอันตราย"

ด้านอิสราเอลเผชิญการโจมตีจากอิหร่านเช่นกัน โดยมีคำเตือนเรื่องขีปนาวุธและเสียงระเบิดในเทลอาวีฟ สำนักข่าว Mehr ของอิหร่านอ้างว่ายิงขีปนาวุธ Fattah-1 ซึ่งอิหร่านเรียกว่า "ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก" ที่มีความเร็ว 5 มัก แม้ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าขีปนาวุธนำวิถีส่วนใหญ่มีความเร็วไฮเปอร์โซนิกในบางช่วง และ Fattah-1 อาจมีหัวรบที่หลบเลี่ยงระบบป้องกันขีปนาวุธได้ในระยะสั้น อิหร่านยังกล่าวหาอิสราเอลว่าเปิด "สงครามไซเบอร์ครั้งใหญ่" ต่อโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ความขัดแย้งนี้ทำให้อิสราเอลมีผู้เสียชีวิต 24 คน บาดเจ็บ 647 คน และอิหร่านเสียชีวิตอย่างน้อย 224 คน

สหรัฐฯ ส่งเรือบรรทุกเครื่องบินเสริมกำลังตะวันออกกลาง 

ทางด้าน สหรัฐฯ กำลังพิจารณาทางเลือกอย่างหนัก ทรัมป์ดูเหมือนเอนเอียงไปที่การใช้กองกำลังทหารโจมตีโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน และลดความสำคัญของการทูต แม้แหล่งข่าวระบุว่า สหรัฐฯ ยังเปิดรับการเจรจาหากอิหร่านยอมประนีประนอม

ทรัมป์ประชุมทีมความมั่นคงแห่งชาติในห้องสถานการณ์นานกว่า 1 ชั่วโมง และส่งเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงทางอากาศกว่า 30 ลำไปตะวันออกกลาง กองทัพเรือสหรัฐฯ มีเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Nimitz และ USS Carl Vinson พร้อมปฏิบัติการฉุกเฉิน เรือเหล่านี้ใช้พลังงานนิวเคลียร์ บรรทุกเครื่องบินกว่า 60 ลำ รวมถึง F-35 (บน Vinson), F/A-18, EA-18 และเฮลิคอปเตอร์ พร้อมเรือพิฆาตและเรือลาดตระเวนติดขีปนาวุธร่อน Tomahawk

อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ ตุลซี แกบบาร์ด ยืนยันว่าอิหร่านไม่ได้พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ขัดแย้งกับความเชื่อของทรัมป์ที่ว่าอิหร่านมีอาวุธดังกล่าว สถานการณ์นี้ทำให้สถานทูตสหรัฐฯ ในเยรูซาเลมและกงสุลในเทลอาวีฟปิดทำการและสั่งพนักงานหลบภัย

ด้านมนุษยธรรม โรงพยาบาลในอิสราเอลย้ายการดำเนินงานลงใต้ดินเพื่อรับมือการโจมตีที่ไฮฟา และมีรายงานเด็กเกิด 3 คนในโรงพยาบาลใต้ดิน อิสราเอลเริ่มโครงการนำพลเมืองที่ติดค้างในต่างประเทศกลับบ้าน หลังเที่ยวบินถูกยกเลิก โดยเที่ยวบินแรกถึงสนามบินเบนกูเรียนวันนี้ ทางการเน้นย้ำให้ลดเวลาอยู่ในสนามบิน อิหร่านเตือนประชาชนหยุดใช้ WhatsApp และ Telegram โดยอ้างว่าเป็นเครื่องมือที่อิสราเอลใช้ระบุเป้าหมาย แต่ WhatsApp ยืนยันว่าข้อความมีการเข้ารหัส end-to-end และไม่ติดตามตำแหน่งผู้ใช้หรือให้ข้อมูลแก่รัฐบาล

นานาชาติจับตาความขัดแย้งปะทุเรื่อย ๆ 

ในขณะที่ท่าทีจากนานานชาติต่างแสดงความกังวลกับความขัดแย้งที่บานปลายของ อิหร่าน-อิสราเอล จอร์แดนสกัดจรวดอิหร่านในน่านฟ้าตนเอง ส่วนผู้นำจีน สี จิ้นผิง แสดงความกังวลต่อความตึงเครียด โดยคัดค้านการละเมิดอธิปไตยของชาติใด ๆ ปธน.ฝรั่งเศส แอมานูแอล มาครง เตือนว่าการเปลี่ยนระบอบการปกครองในอิหร่านด้วยวิธีทหารจะนำไปสู่ความโกลาหล และเรียกร้องการเจรจาเพื่อแก้ปัญหานิวเคลียร์และขีปนาวุธ

ความขัดแย้งนี้ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงสุดในรอบเกือบ 5 เดือน ส่งผลต่อราคาเชื้อเพลิงทั่วโลก ตลาดพลังงานจับตาการหยุดชะงักของอุปทานจากความขัดแย้งอิสราเอล-อิหร่าน สถานการณ์นี้แสดงถึงเดิมพันสูงสุดในรอบหลายปีของตะวันออกกลาง โดยอนาคตยังคงมืดมิดและไร้ทางออกที่ชัดเจน

อ่านข่าวอื่น :

ผู้นำสหรัฐฯ กดดันอิหร่านยอมแพ้แบบไร้เงื่อนไข

สส.อังกฤษ หนุนไฟเขียวยุติการตั้งครรภ์