วันนี้ (20 มิ.ย.2568) ในภูมิทัศน์สื่อของกัมพูชาที่กำลังเผชิญกับการปราบปรามอย่างหนักและการจำกัดเสรีภาพในการแสดงออก ชื่อของ "ขแมร์ไทม์ส" (Khmer Times) ในฐานะหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษกระแสหลักยังคงเป็นที่รู้จักและเข้าถึงได้ง่ายที่สุดแห่งหนึ่ง แต่คำกล่าวอ้างถึงความเป็นกลางและความน่าเชื่อถือของสื่อแห่งนี้กลับถูกตั้งคำถามอย่างกว้างขวางจากหลายฝ่าย
ขแมร์ไทม์ส ก่อตั้งขึ้นในเดือน พ.ค.2557 และอยู่ภายใต้การบริหารงานของบริษัท Virtus Media Pte., Ltd. มุ่งมั่นที่จะนำเสนอข่าวสารในกัมพูชา ภูมิภาค และทั่วโลก ทั้งในรูปแบบสิ่งพิมพ์และดิจิทัล โดยมีเป้าหมายที่สำคัญคือการรายงานข่าวอย่างเป็นกลางและไม่ลำเอียง ผู้บริหารของเขมรไทมส์ระบุว่า การเริ่มต้นของพวกเขาเกิดจากความรู้สึกว่าข่าวภาษาอังกฤษในกัมพูชาต้องการมุมมองใหม่ในการรายงานเหตุการณ์ต่าง ๆ
นอกจากข่าวสารประจำวันแล้ว ขแมร์ไทม์สยังเปิดพื้นที่สำหรับคอลัมน์ "Opinion and Analysis" ที่เปิดรับความคิดเห็นจากผู้คนทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง ธุรกิจ สังคม หรือข่าวหนัก โดยยืนยันว่าจะไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ในแง่ของบุคลากร ขแมร์ไทม์สอ้างว่ามีทีมนักข่าวและช่างภาพที่มีประสบการณ์สูง ซึ่งทำงานในกัมพูชา ภูมิภาค และทั่วโลกมาหลายปี จุดเด่นที่อ้างว่าเป็นเอกลักษณ์ในสื่อสิ่งพิมพ์ภาษาอังกฤษของกัมพูชาคือการใช้ทีมนักข่าวท้องถิ่นที่มีประสบการณ์สูงในการรวบรวมและเขียนข่าวรายวัน โดยเชื่อว่า "ไม่มีใครรู้จักประเทศได้ดีเท่าคนในประเทศนั้น ๆ" ขแมร์ไทม์สบอกจุดยืนตนเองว่าเป็น "หนังสือพิมพ์อิสระ" ที่ใช้ผู้สื่อข่าวและช่างภาพท้องถิ่นที่ดีที่สุดและมีประสบการณ์มากที่สุด
ความน่าเชื่อถือที่ถูกตั้งคำถาม ?
แม้ขแมร์ไทม์สจะพยายามนำเสนอภาพลักษณ์ของการเป็นสื่อที่เป็นกลางและอิสระ แต่ข้อมูลจากหลายแหล่งกลับเผยให้เห็นถึงความเชื่อมโยงที่ซับซ้อนซึ่งบ่อนทำลายคำกล่าวอ้างเหล่านั้น
- ความเป็นเจ้าของ-เอนเอียงทางการเมือง
ขแมร์ไทม์สเป็นของ Mohan Tirugmanasam Bandam นักธุรกิจชาวมาเลเซีย และ Ashwini Rajkumari Mohan ลูกสาวของเขา รายงานจาก State Media Monitor ระบุว่า Mohan มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาลกัมพูชา และ Wikipedia ระบุอย่างชัดเจนว่าหนังสือพิมพ์แห่งนี้มีรายงานข่าวและบทบรรณาธิการที่ "เอนเอียงอย่างรุนแรงต่อพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP)" ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล
State Media Monitor จัดประเภทขแมร์ไทม์สว่าเป็น "สื่อเอกชนที่ถูกครอบงำ" (Captured Private) ซึ่งหมายความว่าเป็นสื่อที่แม้จะเป็นเจ้าของโดยเอกชน แต่แนวทางบรรณาธิการกลับถูกควบคุมหรือได้รับอิทธิพลจากรัฐอย่างใกล้ชิด
- ข้อกล่าวหาเรื่องแหล่งเงินทุน-แทรกแซง
สำนักข่าวอ้างว่าได้รับการสนับสนุนทางการเงินอย่างเต็มที่จากแหล่งเชิงพาณิชย์ ซึ่งส่วนใหญ่คือรายได้จากโฆษณา อย่างไรก็ตาม มีข้ออื้อฉาวหลายครั้งที่บ่งชี้ว่าเจ้าของซึ่งมีความใกล้ชิดกับรัฐบาลได้เข้าถึงเงินทุนของรัฐเพื่อสนับสนุนขแมร์ไทม์ส นอกจากนี้ ยังมีข่าวลือมานานว่าขแมร์ไทม์สได้รับเงินจากเจ้าของ NagaCorp ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ NagaWorld คาสิโนแห่งเดียวที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการในกรุงพนมเปญ
ในปี 2560 มีข้อความทางโทรศัพท์ที่รั่วไหลออกมาซึ่งถูกอ้างว่าเป็นบทสนทนาระหว่าง Chen Lip Keong เจ้าของ NagaCorp และ Hun Manith บุตรชายคนที่ 2 ของ นายกฯ ฮุน เซน ในขณะนั้น ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองทหารของกระทรวงกลาโหม โดยมีการหารือเรื่องการสนับสนุนเงินทุนให้หนังสือพิมพ์ เป็นคำสั่งให้สำนักข่าวเปลี่ยนแปลงเนื้อหาบางอย่างบนเว็บไซต์ และลดค่าใช้จ่ายของหนังสือพิมพ์ด้วย
แม้ขแมร์ไทม์สจะปฏิเสธความเชื่อมโยงเหล่านี้และขู่จะฟ้องร้องหนังสือพิมพ์ Cambodia Daily ที่รายงานเรื่องนี้เป็นครั้งแรก และ Cambodia Daily ก็ถูกบังคับปิดตัวลงในอีกไม่กี่เดือนต่อมา โดยรัฐบาลอ้างว่ามีหนี้ภาษีจำนวนมหาศาล

- ขาดความเป็นอิสระ-ลอกเลียนแบบ
นักข่าวที่เคยทำงานให้กับหนังสือพิมพ์ Cambodia Daily และย้ายมาที่ขแมร์ไทม์สพบว่าพวกเขาไม่สามารถผลิตเนื้อหาเชิงสืบสวนสอบสวนที่ละเอียดอ่อนได้และต้องลาออกไป รายงานของ Asia Times ระบุว่าขแมร์ไทม์ส "ยกยอพรรคการเมืองที่ปกครองอย่างหนัก และดูหมิ่นผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์พรรค"
นอกจากนี้ ขแมร์ไทม์สยังมีประวัติการลอกเลียนแบบเนื้อหาจากสื่ออื่นอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะการคัดลอกบทความจากหนังสือพิมพ์มาเลเซียและเปลี่ยนชื่อและสถานที่ให้เข้ากับบริบทของกัมพูชา แม้กระทั่งในส่วนของ "จดหมายถึงบรรณาธิการ" ก็ยังมีการตีพิมพ์จดหมายที่ถูกลอกเลียนมา หรือจดหมายที่ถูกเขียนโดยเจ้าของสำนักข่าวเองโดยใช้ชื่อปลอม
ภูมิทัศน์สื่อที่ถูกกดดันในกัมพูชา สถานการณ์ของขแมร์ไทม์สเป็นส่วนหนึ่งของภาพรวมที่น่ากังวลของเสรีภาพสื่อในกัมพูชา โดยเฉพาะในช่วงก่อนการเลือกตั้งสำคัญปี 2566 รัฐบาลกัมพูชาได้เร่งการปราบปรามสื่อ นับตั้งแต่การเพิกถอนใบอนุญาตของ Voice of Democracy (VOD) ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรข่าวอิสระไม่กี่แห่งที่เหลืออยู่
ก่อนหน้านั้น สื่ออิสระอื่นๆ เช่น Cambodia Daily ก็ถูกบังคับให้ปิดกิจการในปี 2560 ด้วยข้อกล่าวหาเรื่องภาษีจำนวนมหาศาล และ Radio Free Asia ก็ต้องปิดสำนักงานในกรุงพนมเปญด้วยเหตุผลเดียวกัน การกระทำเหล่านี้ถือเป็นการใช้กฎหมายเพื่อจำกัดการแสดงออกของสื่อ ที่ให้อำนาจรัฐบาลในการสอดส่องกิจกรรมออนไลน์และบล็อกข้อมูลที่นิยามว่าก่อให้เกิดความไม่สงบทางสังคม
ผลจากการปราบปรามนี้ ทำให้กัมพูชาตกไปอยู่อันดับที่ 147 จาก 180 ประเทศในดัชนีเสรีภาพสื่อโลกของ Reporters Without Borders (RSF) ประจำปี 2566 และทำให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลที่น่าเชื่อถือนอกเหนือจากที่เผยแพร่โดยสื่อที่เชื่อมโยงกับรัฐบาล ฮุน เซน ได้ยากขึ้น ผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อระบุว่า การที่พรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ซึ่งปกครองประเทศมายาวนานต้องการส่งต่ออำนาจให้ ฮุน มาเนต ทำให้พวกเขาต้องการควบคุมทุกอย่าง รวมถึงสื่อด้วย การดำเนินคดีกับนักข่าว การเรียกเก็บภาษีที่สูงลิ่ว และการเสนอตำแหน่งงานในหน่วยงานรัฐบาลให้กับผู้สื่อข่าวอิสระ (ที่หลายคนจำต้องยอมรับเพื่อความอยู่รอด) ล้วนเป็นวิธีการที่รัฐบาลใช้เพื่อบั่นทอนความเป็นอิสระของสื่อ
- อิทธิพลจากจีนและทางเลือกที่แตกต่าง
การที่รัฐบาลกัมพูชาห่างเหินจากบรรทัดฐานด้านสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยของอาเซียน ส่วนหนึ่งอธิบายได้ด้วย "ทางเลือก" ที่น่าสนใจกว่า นั่นคือความสัมพันธ์กับจีน จีนมีบทบาทมากขึ้นในการกำหนดภูมิทัศน์ข่าวสารในกัมพูชา โดยผลิตเนื้อหาและลงทุนในการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งแตกต่างจากการช่วยเหลือและการลงทุนจากชาติตะวันตก การสนับสนุนจากจีนไม่ได้มาพร้อมกับเงื่อนไขด้านประชาธิปไตยหรือเสรีภาพสื่อ ทำให้รัฐบาลกัมพูชาสามารถควบคุมการเผยแพร่ข้อมูลในประเทศได้ในขณะเดียวกันก็ได้รับผลประโยชน์จากการลงทุนของจีน
ความเป็นกลางที่ยังคงเป็นคำถาม ในขณะที่สื่ออิสระหลายแห่งถูกปิดปาก การที่ขแมร์ไทม์สยังคงดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง อาจเป็นสัญญาณที่สะท้อนถึงบทบาทที่ซับซ้อนของสื่อแห่งนี้ในภูมิทัศน์ข่าวสารของกัมพูชา ว่าขแมร์ไทม์สคือสื่อที่สามารถนำเสนอความจริงได้อย่างครบถ้วนและไม่ลำเอียงจริง ๆ หรือเป็นเพียง "หน้าต่าง" บานหนึ่งที่ถูกควบคุมอย่างระมัดระวังโดยอำนาจที่อยู่เบื้องหลัง ?
ที่มาข้อมูล : Khmer Times, Reuters institute, Asia times
แท็กที่เกี่ยวข้อง: