ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ย้อนรอยนมโรงเรียน 33 ปี ชิงสิทธิ งบฯ หมื่นล้าน

ภูมิภาค
11:38
51
ย้อนรอยนมโรงเรียน 33 ปี ชิงสิทธิ งบฯ หมื่นล้าน
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ปลายเดือนเมษายน 2568 หลังการประท้วงเทนมทิ้ง เพราะนมล้นตลาด รมว.เกษตรและสหกรณ์ ยืนยันว่า จะเดินหน้าแก้ปัญหาให้กับเกษตรผู้เลี้ยงโคนม แต่นี่ไม่ใช่ปัญหาใหม่ และทางออกอาจมีผลประโยชน์โครงการนมโรงเรียนเป็นตัวแปรสำคัญ

ไทยพีบีเอสไล่เรียงสรุปความเป็นมา และปัญหาโครงการนมโรงเรียนในช่วง 33 ปี ที่ผ่านมา

เริ่มตั้งแต่ ปี 2535 รัฐบาลจัดตั้ง “โครงการนมโรงเรียน” เป้าหมายสำคัญคือ ทำให้มีผู้ประกอบการช่วยเหลือซื้อนมจากเกษตรกร และสหกรณ์โคนม เพื่อไปผลิตเป็นนมโรงเรียน หลังประสบปัญหานมล้นตลาด ถูกเอกชนกดราคารับซื้อ

ในช่วงปี 2537-2551 มีการแก้ไขระเบียบการจัดซื้อนมโรงเรียนหลายครั้ง เพื่อป้องกันความขัดแย้งผลประโยชน์ หรือผลประโยชน์ทับซ้อนของบางกลุ่มที่มีอำนาจพิจารณาการจัดสรรสิทธินมโรงเรียน

ปี 2552 เกิดปัญหาน้ำนมดิบล้นตลาดอีก นมโรงเรียนถูกร้องเรียนเรื่องคุณภาพ มีการแก้ไขระเบียบการจัดสรรสิทธิการจำหน่ายนมโรงเรียนหรือโควตา ปีนี้งบประมาณนมโรงเรียนเพิ่มขึ้นเป็นปีละ 14,000 ล้าน จัดซื้อนมผ่าน อ.ส.ค. โดยวิธีพิเศษ และบริหารโดยมิลค์บอร์ด

ตั้งแต่ปี 2552-2561 ถือเป็นช่วงที่มีผู้ประกอบการแข่งขันเพื่อให้ได้โควตานมโรงเรียน เพราะการจำหน่ายนมโรงเรียน ได้กำไรดี เมื่อการแข่งขันสูงก็มีการร้องเรียนปัญหานมบูด และปัญหาทุจริตอย่างต่อเนื่อง

ปี 2562 ครม.มีมติ เห็นชอบ ตามที่ ป.ป.ช. เสนอ มาตรการปฏิรูประบบนมโรงเรียนแยกออกจากมิลค์บอร์ด ป้องกันผู้มีส่วนได้ส่วนเสียร่วมเป็นกรรมการ และวางมาตรการแก้ปัญหาทุจริต เช่นการกำหนดพื้นที่หรือโซนนิ่ง ผู้ประกอบการแต่ละภูมิภาค

ตั้งแต่ 2562 จนถึงปัจจุบัน แม้ปัญหาร้องเรียนเรื่องคุณภาพนมโรงเรียนจะลดลง ก็ยังแต่พบปัญหาร้องเรียนการจัดสรรโควตานมโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง โดยอ้างว่า ไม่เป็นธรรม เอื้อประโยชน์ให้บางกลุ่ม ขณะที่ผู้ประกอบการเอกชนบางกลุ่มก็ออกมายืนยันว่า หลังปี 2562 ไม่มีปัญหาทุจริตนมโรงเรียน

เมื่อไปดูการบริหารจัดการน้ำนมดิบในประเทศ จะมีคณะอนุกรรมการหลายชุด เพื่อควบคุมดูแล ทั้งการตรวจสอบปริมาณน้ำนมดิบในประเทศ เพื่อทำบันทึกข้อตกลง หรือเอ็มโอยู การซื้อขายนมโค กำหนดปริมาณน้ำนมดิบที่ใช้ทำนมโรงเรียน การจัดสรรโควตานำเข้านมผง ซึ่งมีความสัมพันธ์กัน เอกชนที่ขอนำเข้านมผง จะถูกกำหนดให้รับซื้อน้ำนมดิบในประเทศด้วย

แต่เมื่อวันที่ 1 ม.ค.2568 ที่ผ่านมา สินค้านมและผลิตภัณฑ์ ที่นำเข้าจากออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ จะถูกลดภาษีนำเข้าเป็น 0 % ซึ่งเป็นผลจากความตกลงการค้าเสรี หรือ FTA ภาคเอกชนจะนำเข้านมผงได้อย่างเสรี

โดยราคานมผงราคาถูก เฉลี่ย 9-12 บาท / กก. ต้นทุนต่ำกว่านมดิบ โดยราคาน้ำนมดิบ อยู่ที่ 21.25 บาท /กก. ในสถานการณ์ที่เอกชนหันไปใช้นมผงมากขึ้น และรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรน้อยลง โครงการนมโรงเรียนจึงมีความสำคัญต่อผู้ประกอบการ และเพื่อให้เกษตรกรยังสามารถขายน้ำนมดิบได้ในตลาดที่แน่นอน

น้ำนมดิบของเกษตรกร จะขายให้ตลาดหลักๆ คือ

1.ศูนย์รับน้ำนมดิบสหกรณ์โคนม ที่จะเอาไปทำนมโรงเรียน และขายให้เอกชนทำนมพาณิชย์ หรือนมยี่ห้อต่าง ๆ ในตลาด และเอกชนที่ได้สิทธิจำหน่ายนมโรงเรียน
2.ศูนย์รับน้ำนมดิบเอกชน ที่ขายให้เอกชนที่ได้สิทธินมโรงเรียน และเอกชนนำไปทำนมพาณิชย์ และผลิตภัณฑ์จากนม

การซื้อขายน้ำนมดิบของศูนย์ฯ ต้องซื้อขายตามสัดส่วน หรือปริมาณน้ำนมดิบที่มีอยู่จริง โดยก่อนการซื้อขายจริง ในแต่ละปีจะมีการ ทำบันทึกข้อตกลง หรือเอ็มโอยู การซื้อขายนมโค อย่างการซื้อขายนมดิบปี 2568 ก็จะมีการทำเอ็มโอยูในช่วงเดือนตุลาคม 2567 แล้ว แต่เป็นการทำล่วงหน้า ก่อนที่จะมีการจัดสรรสิทธินมโรงเรียน ซึ่งเป็นปัญหา เพราะผู้ประกอบการที่ต้องตัดสินใจทำเอ็มโอยูซื้อขายน้ำนมดิบ ยังไม่มั่นใจว่าจะได้รับสิทธิจำหน่าย หรือได้โควตานมโรงเรียนหรือไม่

ตลาดนมโรงเรียนถือเป็นตลาดที่มั่นคง และทำกำไร มียอดขายที่แน่นอน ไม่ต้องแข่งขันเหมือนตลาดนมพาณิชย์ ตลาดนี้เป็นการแข่งขันของ 4 กลุ่มหลักๆ คือ ผู้ประกอบการเอกชน องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) สหกรณ์โคนม และวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี 14 แห่ง ที่เข้ามาช่วงชิงโควตาการขายนมโรงเรียน ซึ่งมีการร้องเรียนปัญหาอย่างต่อเนื่อง

ปี 2567
1.วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี 14 แห่งและสหกรณ์โคนม ที่ถูกตัดสิทธิจำหน่ายนมโรงเรียน ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบการกำหนดหลักเกณฑ์จัดสรรสิทธิ์ในปี 2567 อ้างว่าอาจเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนรายใหญ่

2.นายอำนวย ทงก็ก ประธานสหกรณ์โคนมวังน้ำเย็นจำกัด ยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี ให้ตรวจสอบการกระทำความผิดฐานทุจริตโครงการนมโรงเรียน อ้างมีนักการเมืองและข้าราชการเกี่ยวข้อง

ไทยพีบีเอส สรุปเหตุการณ์สำคัญ ตั้งแต่ต้นปี 2568 สหกรณ์โคนมชุมนุมเรียกร้องภาครัฐแก้ปัญหาการจัดสรรสิทธินมโรงเรียน หลังในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา กลุ่มสหกรณ์โคนม ได้โควต้านมโรงเรียนลดลงอย่างต่อเนื่อง สาเหตุหลักคือ ระเบียบการดำเนินงานต่าง ๆ มีข้อจำกัด และการถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดจากหน่วยงานภาครัฐ ยากที่จะแข่งขันทางธุรกิจกับบริษัทเอกชน

ต่อมา มติ ครม. 3 มีนาคม 2568 มีใจความสำคัญคือ เพื่อสร้างศักยภาพ ความเข้มแข็งให้กับสหกรณ์โคนม รัฐวิสาหกิจและสถาบันการศึกษาในการดำเนินกิจการผลิตนมโรงเรียนในลำดับแรก ซึ่งจะเกิดความมั่นคงทางอาหารของประเทศซึ่งทำให้ กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมภาคเอกชน ชุมนุมคัดค้านมติ ครม. นี้ อ้างไม่เป็นธรรม เลือกปฏิบัติสองมาตรฐาน

ในเดือนเมษายน 2568 มีเอกสารจากบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ส่งถึงสหกรณ์โคนม ระบุสาเหตุที่ไม่รับซื้อน้ำนมดิบ เพราะอ้าง นโยบายการจัดสรรสิทธิหรือโควตานมโรงเรียน ซึ่งมาจากผลพวง มติ ครม. 3 มีนาคม 2568

นี่คือสาเหตุที่เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม สหกรณ์การเกษตรแม่ทา จำกัด อ.แม่ทา จ.ลำพูน ต้องจำใจเทน้ำนมทิ้งให้เป็นปุ๋ย เพราะถูกปฏิเสธรับซื้อ มีข้อมูลจากสหกรณ์โคนมหลายแห่ง ที่ยอมรับว่า

ต้องเทนมทิ้ง หรือยอมถูกกดราคา ขายในราคา 13-18 บ./กก. ดีกว่าเทนมทิ้งซึ่งไม่ได้อะไรเลย

การอยู่รอดของเกษตรกร และสหกรณ์โคนม กำลังขึ้นอยู่กับโครงการนมโรงเรียน

ส่วนน้ำนมดิบที่เคยขายให้เอกชน แต่ถูกปฏิเสธรับซื้อ แนวทางแก้ไขปัญหาของภาครัฐ ได้เสนอสร้างโรงงานแปรรูปนมผง 4 แห่ง ใน 4 ภูมิภาค งบประมาณกว่า 800 ล้านบาท เพื่อนำไปสู่การรับซื้อนมจากเกษตรกร แต่ก็ยังถูกตั้งข้อสังเกตุว่าจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าหรือไม่ จะได้นมผงที่มีคุณภาพแข่งขันกับนมผงนำเข้าจากต่างประเทศ และจะมีตลาดรองรับหรือไม่


ด้านข้อมูลจากชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย จำกัด ระบุว่า การสร้างตลาดครีมและนมผง คือ แนวทางแก้ไขปัญหาระยะยาว เพื่อไม่ให้น้ำนมดิบของเกษตรกรถูกกดราคา ศักยภาพตลาดนมผงและครีม มีมูลค่ารวมกันกว่า 1 แสนล้านบาทต่อปี ใหญ่กว่าตลาดนมโรงเรียนที่มีมูลค่าเพียง 14,000 ล้านบาทต่อปี

ปัญหาอุตสาหกรรมโคนม และน้ำนมดิบของประเทศไทย จึงอาจยังไม่มีทางออกที่ชัดเจนสำหรับเกษตรกร และสหกรณ์โคนม

สวนทางกับธุรกิจส่งออกนมและผลิตภัณฑ์นมของเอกชนไทย กลับเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปี 2567 ไทยครองอันดับ 1 มูลค่าการส่งออกสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมในอาเซียน กว่า 19,000 ล้านบาท

รายงาน : พลอยไพฑูรย์ ธุระพันธ์ ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส ศูนย์ข่าวภาคอีสาน

อ่านข่าว : "เขมร" ปิดด่าน คนกัมพูชาเดือดร้อน จากศรีสะเกษต้องไปข้ามกลับที่ช่องจอม

กกล.บูรพา สั่งห้ามรถจักรยานยนต์ - รถเข็น กัมพูชา เข้าไทย

กต.ออกแถลงการณ์ เหตุขัดแย้ง "อิสราเอล - อิหร่าน" เรียกร้องยุติใช้ความรุนแรง