วันนี้ (2 ก.ค.2568) นายภูมิธรรม เวชยชัย เดินทางมายังศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม เวลา 09.00 น. เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงฯ ทั้ง 7 จุด ซึ่งเป็นการอำลาตำแหน่ง รมว.กลาโหม
นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นการอำลาตามสถานการณ์ เพราะได้การโปรดเกล้าฯ แล้ว เป็นรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เพียงแต่ยังปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้เพราะต้องรอเข้าเฝ้าถวายสัตย์ในวันพรุ่งนี้ (3 ก.ค.) หลังจากนั้นจะมีการประชุม ครม.นัดพิเศษแล้ว ก็คงจะเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้ตามปกติ
ซึ่งในฐานะที่อยู่ที่นี่มา 9 เดือน ก็ยังรู้สึกว่าเร็วไปหน่อย กำลังเข้าใจ รับทราบ และเห็นปัญหา เห็นศักยภาพที่จะมาช่วยแก้ปัญหาให้ดีขึ้น ทุกอย่างที่เราทำก็ไปในทิศทางที่คิดว่าเป็นประโยชน์หลายเรื่องได้เริ่มก่อให้เห็นโดยเฉพาะการดูแลสวัสดิการของทหารชั้นผู้น้อย และทหารทั้งหมดของกองทัพในเรื่องที่เป็นขวัญกำลังใจ ในฐานะที่กองทัพเป็นด่านแรกที่ต้องเผชิญกับวิกฤตต่างๆ และยังช่วยเหลือประชาชน ก็ขอบคุณทุกอย่างที่ได้ช่วยและสนับสนุนมา ดีใจและขอบคุณที่ได้รับการต้อนรับและเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวกลาโหม ครอบครัวของทหาร
ที่ผ่านมาก็ได้ทำไปแล้วหลายเรื่อง อย่างเรื่องที่ค้างเป็นปัญหา เช่น เรือดำน้ำ ก็เซ็นเข้าไปที่คณะรัฐมนตรีแล้ว ก็รอบรรจุวาระ ไปผ่านรองนายกฝ่ายความมั่นคง ส่วนที่ยังเหลืออยู่ เช่น การทำบ้านพักอาศัย การปรับกำลังพล ซึ่งตนมีความเชื่อมั่นว่าสิ่งต่างๆ ที่วางไว้น่าจะประสบความสำเร็จได้ เพราะพบว่าผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพ มีมายเซ็ตที่เข้าใจโลกที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะฉะนั้นการปรับกำลังพลให้มีขนาดเล็กลง มีประสิทธิภาพ และมีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เหมาะสมกับเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นในสมัยใหม่ ก็เป็นสิ่งที่จะถูกปูทางและดำเนินการต่อไป โดยเรื่องเหล่านี้ได้คุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ ในวันที่ประชุมสภากลาโหมแล้ว และทางกลาโหมเองก็คงจะดำเนินการจัดการต่อไป
เรือดำน้ำเซ็นเข้าใน ครม.แล้ว
นอกจากนี้ ยังได้คุยกับ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม แล้วว่า อะไรที่ทำอยู่ก็ให้ทำไป ส่วนเรื่องชายแดนกัมพูชาก็ยังไม่ทิ้ง ยังให้หลักการไป คิดว่าจะพยายามถึงที่สุดให้เกิดผลสำเร็จ ตามที่นายกรัฐมนตรีบอกว่าไม่อยากเห็นการใช้กำลังในการสู้รบ แต่อยากเห็นการจบลงด้วยสถานะเดิมที่เคยมี แต่เรื่องนี้เป็นเรื่อง 2 ฝ่ายต้องใช้เวลาพูดคุย และมีกระบวนการทางกฎหมายระหว่างประเทศที่จะกำหนด
นายภูมิธรรม ยอมรับว่า เรื่องเรือดำน้ำเซ็นเข้าใน ครม.แล้ว รอให้ ครม.บรรจุวาระ และต้องให้ผ่านรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง เพราะเรื่องเหล่านี้เดินไปแล้วก่อนจะมีการโปรดเกล้าฯ ครม.แต่โครงการจัดซื้อเครื่องบินกริพเพนเซ็นไม่ทัน ก็ต้องให้รัฐมนตรีใหม่เข้ามาดำเนินการ
ส่วนกรณีเว้นว่างตำแหน่ง รมว.กลาโหมเป็นเพราะเหตุใด นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็มีข้อสงสัย ก็เป็นเรื่องความเหมาะสม คงเป็นเรื่องที่ทางราชการไม่อยากจะพูด ก็ถือว่าทำทุกอย่างให้อยู่ในกลไกที่ทุกคนสามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่
โดยที่ผ่านมาตำแหน่งนี้เคยเป็นของพรรคเพื่อไทยรับผิดชอบ ตอนนี้เป็นเรื่องที่ไม่ได้คิดว่าต้องเป็นเพื่อไทยหรือไม่ ตอนนี้ที่สำคัญคือ รมว.กลาโหมที่มีศักยภาพ มีความสามารถ เชื่อมโยงกับเหล่าทัพต่างๆ ได้อย่างดี และสามารถทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของประเทศ และทำหน้าที่ของกระทรวงกลาโหมอย่างสุดความสามารถ
ส่วนที่มีข่าวว่าจะได้ รมว.ในช่วง 3 เดือนนี้ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ถ้าข่าวลือที่ยังไม่รู้ ก็อย่าเอามาถามตน เพราะมันลอยๆ แต่ย้ำว่าการตัดสินใจก็ต้องพยายามเลือกคนที่เหมาะสมที่สุด อย่างตนก็ยังดูด้านดีด้านลบ มนุษย์ไม่มีอะไรที่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าตราบใดเข้ามาทำงานได้ ซื่อสัตย์สุจริต ก็ไม่มีปัญหา ถ้าตราบใดทำงานแล้วมีข้อสงสัย ก็ต้องพิสูจน์ตัวเอง พิสูจน์ได้ก็ไม่มีปัญหา พิสูจน์ไม่ได้ก็ต้องรับภาระตามสิ่งที่ตัวเองได้กระทำ
สำหรับการเข้าทำงานในกระทรวงมหาดไทย นายภูมิธรรม บอกว่า จะเข้าไปวันศุกร์ที่ 4 ก.ค. ประมาณ 10.00 น. เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง และพูดคุยกับผู้บริหารระดับสูง ส่วนการมอบนโยบายคงเป็นตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป แต่เรื่องใหญ่ๆ สำคัญ ตนคิดไว้แล้ว ซึ่งจะพูดคุยให้เข้าใจกันจะได้ทำงานได้อย่างราบรื่น พร้อมย้ำว่าตนยังรับผิดชอบงานความมั่นคงทั้งหมด และเพิ่มเติมคือกระทรวงมหาดไทย

ปัดเอาคืน ภูมิใจไทย คดีเขากระโดง
นายภูมิธรรม กล่าวถึงกรณีการไปดำรงตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ซึ่งมีการเชื่อมโยงว่าจะเป็นการเอาคืนพรรคภูมิใจไทย คดีเขากระโดงหรือไม่ ว่า เป็นการวิจารณ์แบบง่ายๆ แต่คนที่มาหน้าที่บริหารประเทศ ก็มีหน้าที่รักษาความยุติธรรมตามระบอบประชาธิปไตยอยู่แล้ว ไม่ว่าจะอยู่กับกระทรวงใด หากไม่กระทำผิด ก็ไม่มีใครไปทำอะไรได้ พร้อมกับยังเชื่อในกระบวนการไม่น่าจะมีปัญหา
นายภูมิธรรม ยังกล่าวว่า ตนเข้าไปตนก็มีนโยบายที่เตรียมไว้อยู่แล้ว อะไรที่ยังเคยหย่อนยาน และปฏิบัติไม่เข้มแข็งก็ต้องคุยกัน และต้องมีความพร้อมที่จะทำ ซึ่งใครพร้อมก็เดินหน้า ส่วนใครที่ไม่พร้อมก็ต้องมาดูบทบาทว่าควรจะไปอยู่ที่ส่วนไหน ส่วนปัญหาเขากระโดงก็ต้องไปว่ากันตามกระบวนการยุติธรรมอย่างเคร่งครัด
ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตว่ารัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยเข้ามาดูแลกระทรวงต่อจากพรรคภูมิใจไทยทั้งหมด และนำไปสู่การตรวจสอบการทุจริต ซึ่งอาจจะทำให้เกิดปัญหาได้นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของประเทศชาติ ไม่ใช่เรื่องความแค้นส่วนตัว ฉะนั้นกระบวนการการตรวจสอบก็เป็นภารกิจหนึ่งที่ตนเข้ามาเป็นรัฐมนตรีก็ต้องตรวจสอบอยู่แล้ว ไม่ใช่ของพรรคภูมิใจไทยอย่างเดียว ของพรรคเพื่อไทยก็ต้องตรวจสอบด้วยเช่นกัน เพราะเป็นหนึ่งในนโยบายของรัฐบาลในการตรวจสอบคอรัปชัน และเป็นเรื่องที่เราจะทำโดยไม่เว้นหน้าใคร ซึ่งจะต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
เมื่อถามย้ำว่าหากไม่ได้ทำอะไรผิดจะต้องไม่กลัวใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม หัวเราะพร้อมเผยว่า ไม่ได้ทำอะไรผิดก็ไม่ต้องกลัว ว่าไปตามกฎหมาย เพราะเราก็ไม่สามารถไปทำอะไรที่ละเว้นหรือเกินจากที่กฎหมายกำหนดอยู่แล้ว และอะไรที่เป็นเรื่องที่ไม่สบายใจก็ต้องพิสูจน์ทราบกันไป เพื่อคลายความกังวลของประชาชน
"แพทองธาร" นั่ง รมว.วัฒนธรรมได้
นายภูมิธรรม เวชยชัย กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ว่านายกรัฐมนตรีมีกำลังใจที่เข้มแข็ง และได้กำชับรัฐมนตรีทุกคนให้ทำหน้าที่ต่อ ในส่วนของนายกรัฐมนตรีเองก็เหมือนพักงานไป เพื่อรอกระบวนการยุติธรรมให้มีความชัดเจน แต่ก็ยังสามารถทำอะไรต่างๆ ได้ ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ที่จะช่วยแก้ไขปัญหา และนายกรัฐมนตรีก็ยังสามารถเข้าประชุมคณะรัฐมนตรีได้เช่นเดิม ภายหลังการเข้าพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณในวันพรุ่งนี้ (3 ก.ค.) ก็จะเป็น รมว.วัฒนธรรม
ทั้งนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่านายกรัฐมนตรีถูกร้องเรื่องคุณสมบัติและความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ อาจไม่สามารถนั่งในตำแหน่ง รมว.วัฒนธรรมได้ นายภูมิธรรม ระบุว่า นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ดูในเรื่องกฎหมายทั้งหมดแล้ว จึงเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา หากยังครางแคลงใจหรือมีประเด็น ให้กระบวนการยุติธรรมตรวจสอบได้อยู่แล้ว แต่นายกรัฐมนตรีก็มีภารกิจของกระทรวงวัฒนธรรม ในส่วนอื่นก็ไม่มีอะไรกระทบ ที่จะทำให้งานสะดุด หากท่านจะถูกวินิจฉัยว่าอย่างไร ก็ไม่มีปัญหา ขอให้ทุกคนได้ทำงาน และนายกรัฐมนตรีจะทำหน้าที่ในบทบาท ฐานะประชาชนและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
ยันรัฐบาลลุยต่ออยู่ครบเทอม
ขณะที่ทางพรรคเพื่อไทยได้เตรียมแผนรองรับ หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกับนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของพรรคใช่หรือไม่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่ามันมีกระบวนการอยู่แล้ว ตั้งแต่หลังจากวันนั้นเกิดขึ้น เชื่อว่าน่าจะดีไม่ต้องไปคิดอะไรที่เยอะกว่านี้ และเราเชื่อมั่นว่าผลที่จะออกมาจะเป็นบวก
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตเรื่องการใช้นิติสงครามนั้น นายภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นเพียงคำเปรียบเปรย ซึ่งตนมองว่ากระบวนการยุติธรรมเป็นกลไกหนึ่งของระบอบประชาธิปไตย ซึ่งก็ต้องดำเนินการไป ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายบริหารหรือนิติบัญญัติ หรือแม้แต่ฝ่ายตุลาการ ทุกคนมีสิทธิ์ในการให้ข้อเสนอแนะ หากมีการตั้งคำถาม ทุกคนมีหน้าที่ที่จะต้องชี้แจงข้อสงสัย เพื่อทำความเข้าใจให้ชัดเจนขึ้น ในเมื่อมีคำถามถึงตุลาการ ก็ต้องมีหน้าที่ในการรับฟังและตรวจสอบ อีกทั้งตนเชื่อมั่นในกฎหมายว่ามีความปรารถนาดีต่อประเทศชาติ และกลไกของประชาธิปไตย ให้เสนอแนะตรวจสอบได้ กลไกทุกอำนาจก็ต้องรับฟังมองว่าไม่ใช่ปัญหา
นายภูมิธรรม ยังระบุว่า อยู่ครบเทอมเป็นความต้องการของทุกรัฐบาล แต่ต้องพยายามแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ไปทีละเรื่อง ซึ่งหากฟังจากคลิปเสียงในเนื้อหา อาจจะมีบางคำพูดที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจ แต่ในเนื้อหา และสาระสำคัญไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
"ส่วนที่ถูกกล่าวหาว่าขายชาติ ใครจะเอาชาติไปขาย"
อ่านข่าว :
"ณัฐพล" ลั่นไร้สุญญากาศแม้ไม่มี รมว.กลาโหม ยันชายแดนดีขึ้น
ศาลรัฐธรรมนูญมติรับคำร้องถอดถอน "แพทองธาร" สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ
"สุริยะ" นั่งรักษาการนายกฯ หลังศาล รธน.สั่ง "แพทองธาร" หยุดปฏิบัติหน้าที่