เมื่อวันที่ 8 ก.ค.2568 นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ประกาศเสนอชื่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ ปธน.สหรัฐฯ เพื่อชิงรางวัลโนเบลสันติภาพในปี 2568 โดยระบุว่า ทรัมป์อาจมีบทบาทสำคัญในการเจรจายุติสงครามในกาซา ซึ่งจะเป็น "มรดกทางการเมือง" อันยิ่งใหญ่ การเสนอชื่อนี้จุดกระแสวิจารณ์ทั่วโลก เนื่องจากหลายฝ่ายมองว่าเป็นกลยุทธ์การเมืองมากกว่าผลงานสันติภาพที่เป็นรูปธรรม ในขณะที่รางวัลโนเบลสันติภาพมีประวัติยาวนานกว่า 120 ปี เต็มไปด้วยเรื่องราวของความสำเร็จและข้อถกเถียงที่สะท้อนความซับซ้อนของการเมืองระหว่างชาติ
รู้จัก "รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ" เกียรติยศแห่งสันติภาพและความขัดแย้ง
"อัลเฟรด โนเบล" ตั้งใจให้รางวัลสันติภาพนี้มอบแก่ผู้ที่ได้กระทำการมากที่สุดหรือดีที่สุดเพื่อภราดรภาพระหว่างชาติ เพื่อการยกเลิกหรือลดกำลังทหารประจำการ และเพื่อการจัดและส่งเสริมการประชุมสันติภาพ แนวคิดเบื้องหลังรางวัลสันติภาพนั้นไม่ชัดเจนนัก เมื่อเทียบกับสาขาวิทยาศาสตร์ คณะกรรมการโนเบลนอร์เวย์ คาดการณ์ว่าอาจมาจากมิตรภาพของโนเบลกับ "แบร์ธา ฟอน ซุทท์เนอร์" นักกิจกรรมสันติภาพผู้ซึ่งต่อมาได้รับรางวัลนี้
นอกจากนี้ นักวิชาการบางคนยังเสนอว่านี่อาจเป็นวิธีที่โนเบลชดเชยการพัฒนาอาวุธทำลายล้าง เช่น ระเบิดไดนาไมต์ มีเรื่องเล่าอ้างอิงจาก Wikipedia ที่ไม่มีใครยืนยันว่าในปี 2431 หนังสือพิมพ์ฝรั่งเศสฉบับหนึ่งได้ตีพิมพ์ข่าวการเสียชีวิตของโนเบลโดยเข้าใจผิด และเรียกเขาว่า "พ่อค้าแห่งความตาย" (Le marchand de la mort est mort) ซึ่งอาจเป็นแรงบันดาลใจให้เขาต้องการทิ้งมรดกที่ดีกว่าไว้

อัลเฟรด โนเบล
อัลเฟรด โนเบล
เหตุผลที่โนเบลเลือกให้นอร์เวย์เป็นผู้บริหารจัดการรางวัลสันติภาพก็ไม่ชัดเจนเช่นกัน แต่คณะกรรมการสันติภาพโนเบลนอร์เวย์คาดว่าอาจเป็นเพราะนอร์เวย์ไม่มีประเพณีทางทหารที่เข้มแข็งเท่าสวีเดนในขณะนั้น รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพมีการมอบรางวัลเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่เดือน มี.ค.2444 และพิธีมอบรางวัลจัดขึ้นที่ศาลาว่าการกรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ ตั้งแต่ปี 2533
ผู้มีสิทธิ์เสนอชื่อ-การคัดเลือกผู้ได้รับรางวัล
คณะกรรมการโนเบลนอร์เวย์ ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 5 คนที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐสภานอร์เวย์ เป็นผู้รับผิดชอบในการคัดเลือกผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ คณะกรรมการนี้ส่วนใหญ่ประกอบด้วยนักการเมืองที่เกษียณอายุแล้ว ไม่ใช่นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติหรือผู้ปฏิบัติงานด้านสันติภาพ TRT World reserch center ระบุว่าความเป็นไปได้ที่ผลประโยชน์ของชาติและบรรยากาศทางการเมืองในนอร์เวย์จะส่งผลต่อกระบวนการคัดเลือกนั้นเป็นไปได้สูง
บุคคลหรือองค์กรที่สามารถเสนอชื่อผู้สมัครสำหรับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพได้อย่างถูกต้องมีดังนี้
- สมาชิกของสมัชชาแห่งชาติและรัฐบาล (คณะรัฐมนตรี/รัฐมนตรี) ของรัฐอธิปไตย รวมถึงประมุขแห่งรัฐคนปัจจุบัน
- สมาชิกของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ณ กรุงเฮก และศาลอนุญาโตตุลาการถาวร ณ กรุงเฮก
- สมาชิกของสถาบันกฎหมายระหว่างประเทศ (l’Institut de Droit International)
- สมาชิกคณะกรรมการบริหารระหว่างประเทศของสมาคมสตรีเพื่อสันติภาพและเสรีภาพระหว่างประเทศ (Women’s International League for Peace and Freedom)
- อาจารย์มหาวิทยาลัย, ศาสตราจารย์กิตติคุณ และรองศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์, สังคมศาสตร์, กฎหมาย, ปรัชญา, เทววิทยา, และ ศาสนา; อธิการบดีมหาวิทยาลัยและผู้อำนวยการมหาวิทยาลัย (หรือเทียบเท่า); ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสันติภาพและสถาบันกิจการต่างประเทศ
- ผู้ที่เคยได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ
- สมาชิกคณะกรรมการบริหารหลักหรือเทียบเท่าขององค์กรที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ
- สมาชิกปัจจุบันและอดีตของคณะกรรมการโนเบลนอร์เวย์
- อดีตที่ปรึกษาของสถาบันโนเบลนอร์เวย์
แต่ "ผู้สมัคร" ไม่สามารถเสนอชื่อตัวเองได้ ข้อมูลเกี่ยวกับการเสนอชื่อ ผู้เสนอชื่อ การพิจารณา หรือการสอบสวนที่เกี่ยวข้องกับการมอบรางวัลจะไม่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะเป็นเวลาอย่างน้อย 50 ปีหลังจากที่รางวัลได้ถูกมอบไปแล้ว
ใครบ้างที่มีสิทธิ์ชี้ตัว "ผู้สร้างสันติภาพ" ระดับโลก ?
เริ่มจากการที่คณะกรรมการโนเบลนอร์เวย์จะรับการเสนอชื่อจากบุคคลที่มีคุณสมบัติ โดยมีกำหนดส่งภายในวันที่ 1 ก.พ.ของปีที่มอบรางวัล หลังจากนั้นคณะกรรมการจะประเมินผลงานของผู้สมัครและจัดทำรายชื่อผู้เข้ารอบสั้น (shortlist) ซึ่งมักจะมีผู้สมัครประมาณ 20-30 คน รายชื่อผู้เข้ารอบจะถูกส่งให้ที่ปรึกษาถาวรของสถาบันโนเบลเพื่อจัดทำรายงาน คณะกรรมการมักจะตัดสินใจในเดือนตุลาคม โดยพยายามให้ได้ข้อสรุปเป็นเอกฉันท์ แต่หากเป็นไปไม่ได้จะใช้วิธีลงคะแนนเสียงข้างมาก
ผู้ได้รับรางวัลจะได้รับประกาศนียบัตร เหรียญรางวัล และเอกสารยืนยันจำนวนเงินรางวัล โดยในปี 2567 จำนวนเงินรางวัลคือ 11 ล้านโครนสวีเดน หรือ 37 ล้านบาท เหรียญรางวัลสันติภาพได้รับการออกแบบโดยประติมากรชาวนอร์เวย์ Gustav Vigeland ในปี 2444 โดยมีภาพบุคคล 3 คนใน "พันธะแห่งภราดรภาพ" และจารึกว่า "Pro pace et fraternitate gentium" หรือแปลว่าเพื่อสันติภาพและภราดรภาพของมนุษยชาติ

รางวัลแห่งความขัดแย้ง ?
รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพมักถูกวิพากษ์วิจารณ์มาตลอดประวัติศาสตร์ว่าเป็นรางวัลที่มีลักษณะทางการเมือง บางคนมองว่ารางวัลนี้ถูกมอบให้สำหรับความสำเร็จที่เกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ หรือเพื่อกระตุ้นความสำเร็จในอนาคต และบางครั้งอาจดูเหมือนมอบให้ด้วยเหตุผลเชิงสัญลักษณ์หรือเชิงกลยุทธ์ มากกว่าการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงต่อสาเหตุแห่งสันติภาพ TRT World reserch center ตั้งข้อสังเกตว่าคณะกรรมการส่วนใหญ่ประกอบด้วยนักการเมืองที่เกษียณอายุแล้ว ซึ่งอาจทำให้เกิดอคติและผลประโยชน์ของชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ยังมีอคติทางตะวันตกหรือยูโรเซนทริกที่เห็นได้จากจำนวนผู้ได้รับรางวัลส่วนใหญ่มาจากชาติตะวันตก

ใครบ้าง ? เมื่อผู้รับรางวัลกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์
- ชิมอน เปเรส (Shimon Peres) ผู้ร่วมได้รับรางวัลปี 2537 ถูกวิจารณ์เนื่องจากมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของอิสราเอลและนโยบายที่ส่งผลกระทบต่อชาวปาเลสไตน์
- สหภาพยุโรป (European Union) ได้รับรางวัลในปี 2555 ท่ามกลางคำถามว่า การให้เกียรตินี้เป็นตัวแทนของการมีส่วนร่วมต่อ "มนุษยชาติ" หรือเพียงแค่ "ยุโรป" เนื่องจากในขณะเดียวกันรัฐบาลยุโรปก็มีส่วนร่วมในการบ่อนทำลายเสถียรภาพใน "กลุ่มประเทศโลกใต้" (กลุ่มประเทศในทวีปแอฟริกา ลาตินอเมริกา และเอเชีย ไม่รวมประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น ญี่ปุ่น อิสราเอล และเกาหลีใต้)
- บารัก โอบามา (Barack Obama) ได้รับรางวัลในปี 2552 เพียง 9 เดือนหลังจากเข้ารับตำแหน่ง ผู้นำสหรัฐฯ รางวัลนี้จุดประกายความไม่เชื่อมั่นอย่างกว้างขวาง และถูกมองว่าคณะกรรมการให้ความสำคัญกับความหวังมากกว่าความสำเร็จ
- อาบีย์ อาเหม็ด (Abiy Ahmed) นายกฯ เอธิโอเปีย ได้รับรางวัลในปี 2562 จากการสร้างสันติภาพกับประเทศเอริเทรีย แต่ภายใน 1 ปี เอธิโอเปียกลับเข้าสู่สงครามกลางเมือง
- เฮนรี คิสซิงเจอร์ (Henry Kissinger) ผู้ร่วมได้รับรางวัลในปี 2516 ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจนสมาชิกคณะกรรมการโนเบล 2 คนลาออก
- ออง ซาน ซูจี (Aung San Suu Kyi) ผู้ได้รับรางวัลในปี 2534 ถูกวิจารณ์อย่างหนักหลังจากที่เธอขึ้นสู่อำนาจแล้วปฏิเสธที่จะประณามการข่มเหงชาวโรฮิงญา แม้มีการเรียกร้องให้เพิกถอนรางวัล แต่คณะกรรมการยืนยันว่าไม่มีความรับผิดชอบต่อการกระทำในอนาคตของผู้ได้รับรางวัล

ปัจจุบันรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพได้มอบให้แก่บุคคล 111 คน และองค์กร 31 องค์กร ระหว่างปี 2444-2567 โดย คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ ได้รับรางวัลมากที่สุดถึง 3 ครั้ง (ปี 2460, 2487 และ 2506) และสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ได้รับ 2 ครั้ง (ในปี 2497 และ 2524)

รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพจึงเป็นมากกว่าการเฉลิมฉลอง แม้ไม่สามารถนำมาซึ่งสันติภาพได้โดยตรง แต่สามารถส่งเสริมและเป็นแสงนำทาง ให้กับผู้มีบทบาทสำคัญในการมุ่งมั่นเพื่อสันติภาพ ในยุคที่มีความขัดแย้งเพิ่มขึ้นและความถดถอยของประชาธิปไตย โลกต้องการความชัดเจนและศรัทธามากกว่าพิธีการ รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพจะยังคงมีความสำคัญได้ก็ต่อเมื่อมันยกระดับเหนือพลังที่มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อท้าทาย
รู้หรือไม่ : "มหาตมะ คานธี" คือบุคคลที่ถูกมองข้ามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ แม้จะได้รับการเสนอชื่อหลายครั้ง แต่คณะกรรมการโนเบลได้ยอมรับในภายหลังว่า เป็นการมองข้ามทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่สุด ต่อมา เมื่อองค์ดาไลลามะได้รับรางวัลในปี 2532 ประธานคณะกรรมการได้กล่าวว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของการแสดงความเคารพต่อมรดกของมหาตมะ คานธี
แหล่งที่มาข้อมูล : คณะกรรมการรางวัลโนเบล, The Nobel Foundation, TRT World reserch center, Wikipedia, International Peace Institue