เมื่อวันที่ 9 ก.ค.2568 สำนักข่าวขแมร์ ไทม์ส รายงาน อ้างข้อความที่สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก เรียกร้องให้กระบวนการยุติธรรมของไทยเปิดการสอบสวนนายทักษิณ ชินวัตร หลังจากทางการไทยออกหมายจับ "ก๊ก อัน" สมาชิกวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งเป็นคนสนิทของสมเด็จฮุน เซน ในข้อหามีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และการฟอกเงิน
สมเด็จฮุน เซน ระบุว่า จากการที่มีเจ้าหน้าที่ไทย สื่อมวลชนและประชาชนหลายคน มองว่าการสอบสวนและปราบปรามนายก๊ก อัน เป็นเพราะมีความใกล้ชิดกับตน ดังนั้นหากเป็นเช่นนั้นจริง ไทยก็ควรเปิดการสอบสวนนายทักษิณด้วย เพราะเป็นที่รู้กันดีว่านายทักษิณ สนิทกับตนเป็นอย่างมาก ถึงกับมีห้องพักประจำอยู่ในบ้านของตน พร้อมเน้นย้ำว่ามาดูกันว่าไทยจะกล้าเปิดการสอบสวนนายทักษิณหรือไม่
นอกจากนี้ สมเด็จฮุน เซน ยังแสดงความยินดีที่ทางการไทยและตำรวจไทยเริ่มการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ภายในประเทศ โดยระบุว่าความพยามนี้จะช่วยลดการหลั่งไหลของอาชญากรรมทางไซเบอร์เข้าไปสู่กัมพูชา ซึ่งเป็นอาชญากรรมที่เติบโตอย่างไร้การควบคุมในแผ่นดินไทยมาเป็นเวลานาน
พร้อมทั้งชี้ว่าไทยควรดำเนินการมานานแล้ว ไม่ควรล่าช้ามาจนถึงขณะนี้ เนื่องจากในอดีต กัมพูชาต้องประสบปัญหามากมายจากอาชญากรรมที่มีต้นทางมาจากฝั่งไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามบริเวณชายแดนไทย
ชาวกัมพูชาปรับตัว "สินค้าไทย" ขาดตลาด
สำนักข่าวขแมร์ ไทม์ส ยังเผยแพร่บทความที่ระบุว่า ชาวกัมพูชาปรับตัวหันมาบริโภคสินค้าท้องถิ่นและสินค้าที่นำเข้าจากประเทศอื่นๆ แทน เนื่องจากสินค้าไทยเริ่มขาดตลาด เป็นผลเนื่องมาจากความขัดแย้งบริเวณชายแดนระหว่าง 2 ประเทศ
ในบทความดังกล่าวยังระบุว่า ผลิตภัณฑ์ของไทยมีอิทธิพลอย่างมากต่อลูกค้าชาวกัมพูชา แม้ว่าจะยังมีผลิตภัณฑ์ของไทยจำนวนมากในตลาดค้าปลีกในประเทศ แต่ชาวกัมพูชาได้เตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ด้วยการเปลี่ยนไปบริโภคสินค้าท้องถิ่น หรือจากประเทศอื่นๆ แทน
ขณะที่หัวหน้าฝ่ายขายของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในกรุงพนมเปญ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทสินค้าต่างๆ กำลังใช้โอกาสนี้แย่งชิงช่องว่างของสินค้าไทยที่กำลังลดน้อยลงในกัมพูชา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าที่นำเข้ามาจากเวียดนาม มาเลเซียและออสเตรเลียทดแทน
อ่านข่าว
"ทักษิณ" รับสะบั้นสัมพันธ์ "ฮุนเซน" ลืมชื่อกันไปแล้ว
"ฮุน เซน" เปรียบไทยทิ้งหินใส่เท้าตัวเอง ปราบอาชญากรรมออนไลน์ล่าช้า
ปปง.-ตำรวจ สอท.เตรียมลุยยึดทรัพย์ 1 พันล้าน เครือข่าย "ก๊ก อัน"