ภายหลังการประชุมร่วมกันระหว่างตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และกองกฎหมาย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. นานกว่า 2 เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (9 ก.ค.2568)
นายสุทธิศักดิ์ สุมน ผู้อำนวยการกองกฎหมาย ปปง. เปิดเผยว่า การเข้าหารือกับตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและกำหนดแนวทางในรายการสินทรัพย์ในเครือข่ายนายก๊ก อัน โดยสั่งตั้งพนักงานสืบทรัพย์ โดยยกคดีหลักของ น.ส.ชาลอต และอีก 3 คดี ที่ตำรวจสืบสวนพบว่าฐานคอลเซนเตอร์อยู่ที่ตึก 18 ชั้น และตึก 25 ชั้น ที่นายก๊ก อัน เป็นเจ้าของนั้น

จากการตรวจสอบทรัพย์สินและการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของเครือข่ายคอลเซนเตอร์ และนายก๊ก อัน พบว่ามีมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบาท และยังเชื่อว่ามีทรัพย์สินอื่น ๆ ที่ยังต้องสืบทรัพย์อีกจำนวนมาก รวมถึงทรัพย์สินที่เป็นสกุลเงินดิจิทัล และทรัพย์สินที่อยู่ต่างประเทศ ปปง.ก็มีอำนาจในการตรวจสอบและอายัดทรัพย์สินส่วนนี้มาขายทอดตลาดและคืนทรัพย์สินให้ผู้เสียหาย
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปิดเผยว่า นอกจากตำรวจได้แลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อติดตามยึดทรัพย์สินของนายก๊กอันแล้ว ตำรวจชุดทำคดีจะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานประกอบในสำนวน หากเสร็จสิ้นแล้วจะส่งให้พนักงานอัยการพิจารณา ยื่นเรื่องให้องค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ หรืออินเตอร์โพล ออกหมายจับสากล

ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปิดเผยอีกว่า การประชุมในวันนี้ได้รับข้อมูลที่มีประโยชน์เกี่ยวกับเส้นทางการเงินของนายก๊ก อัน ในอดีต ซึ่งจะเชื่อมโยงไปถึงบุคคลในประเทศไทยหรือกัมพูชาหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างตรวจสอบ เชื่อว่าก๊ก อัน ได้ถือครองทรัพย์สินและอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยและต่างประเทศอีกจำนวนมาก หากเป็นประเทศที่อยู่ในความร่วมมือของอินเตอร์โพลก็มีแนวโน้มที่จะขอความร่วมมือในการตรวจสอบและอายัดทรัพย์สิน ส่วนจะมีคนไทยหรือใครที่รับผลประโยชน์อยู่เบื้องหลัง ต้องขยายผลเพิ่มเติม
ส่วนกรณี น.ส.จุรี หรือเชอร์รี่ สวมสิทธิบัตรประชาชนคนไทย จากข้อมูลของตำรวจยังขัดแย้งกับฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ ซึ่งต้องประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสืบค้นข้อมูลว่าคนไทยที่ถูกสวมสิทธิ์ยังมีตัวตนอยู่หรือไม่หรือเป็นการปลอมแปลงเอกสารสิทธิ
อ่านข่าว : เทียบร่างกฎหมายนิรโทษกรรม 5 ฉบับ ใครบ้าง ? ได้ประโยชน์
ทบ.แจงปมคลิปทหารไทย-กัมพูชาถกเถียงบริเวณช่องอานม้า
พระชั้นผู้ใหญ่ "วัดปากน้ำฯ - วัดพระพุทธฉาย" ลาสิกขา หลังพบคลิปเกี่ยวข้องสีกา