วันที่ 13 ก.ค.2568 เวลา 13.00 น. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.อ.จำนาญ จันทร์เทศ ผกก.5 บก.ปปป. พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท.รักษาราชการแทน รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. น.ส.อรณิช สุขบาล ผู้อำนวยการกองปราบปรามการทุจริตในภาค รัฐ 2
พร้อมด้วย นายคนึง ทองเที่ยง ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองสมุทรสาคร กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ลงพื้นที่ภายในวัดใหญ่จอมประสาท หมู่ 5 ต.ท่าจีน อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เพื่อตรวจสอบและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม จากพระครูสาครสุตกิจ เจ้าคณะตำบลท่าฉลอม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร รวมทั้งพระลูกวัด และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน

กรณี พระมหาทิวากร ดีไพร เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท หายตัวไปออกจากวัด หลังจากมีข้อมูลของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า มีการโอนเงินให้กับสีกากอล์ฟ มากกว่า 1 ล้านบาท
โดยการลงพื้นที่ในวันนี้ ยังไม่มีการตรวจค้นภายในกุฎิเจ้าอาวาสแต่อย่างใด เนื่องจากยังมีการล็อคประตูกุฏิไว้ตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.2568 เจ้าหน้าที่ทำได้เพียงสอบถามข้อมูลรายละเอียดเส้นทางการเงินจากพระลูกวัด กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. ได้หลักฐานสมุดบัญชีธนาคารของทางวัด และสมุดบัญชีธนาคารของเจ้าอาวาส เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้จะมีการตรวจสอบรายละเอียดในสมุดบัญชี ว่ามีความผิดปกติหรือไม่
พ.ต.อ.จำนาญ จันทร์เทศ ผกก.5 บก.ปปป. เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินมีข้อบ่งชี้ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของการโอนเงิน ซึ่งเจ้าอาวาสเป็นผู้ถือบัญชีเพียงคนเดียว สำหรับรายได้หลักของวัดที่มาจากการให้เช่าพื้นที่จอดเรือ เบื้องต้นทราบข้อมูลว่า รายได้ทั้งหมดแบ่งเป็นเงินสดและเงินโอนเข้าบัญชีของเจ้าอาวาส รวมแล้วเดือนละประมาณ 7-8 หมื่นบาท แต่ทั้งนี้ต้องขอดูรายละเอียดอีกครั้ง
ด้าน น.ส.อรณิช สุขบาล ผู้อำนวยการกองปราบปรามการทุจริตในภาค รัฐ 2 เปิดเผยว่า รายได้ของวัด นอกเหนือจากการให้เช่าที่จอดเรือ ส่วนหนึ่งก็มาจากเงินทอดกฐิน และการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ภายในวัด ซึ่งหลังจากนี้ต้องมีการตรวจสอบเชิงลึกว่า รายได้ของวัดมีเข้ามาทางไหนบ้าง เพราะบางส่วนอาจจะเข้ามาในรูปแบบของเงินสด

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลการจ่ายเงินให้วัด จากทางบริษัทซึ่งนำเรือมาจอด ซึ่งเป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือ หลังจากนี้ต้องมีการขอข้อมูลเป็นเอกสาร เพื่อมาเปรียบเทียบกับเส้นทางการเงินของทางวัดอีกครั้ง
ทั้งนี้หากพบว่า เงินค่าเช่าจอดเรือ ซึ่งเป็นรายได้ของทางวัด ถูกโอนไปยังบัญชีส่วนตัวเจ้าอาวาส ถือว่ามีความผิดเนื่องจากเจ้าอาวาสนั้น โดยตำแหน่งแล้วถือเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ หากเบียดบังทรัพย์สินของทางวัดจะกลายเป็นความผิดทางอาญา ซึ่งต้องมีการร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับตัวเจ้าอาวาส เดินทางออกจากวัดไป หลังจากมีพระหลายรูปลาสิกขาและตกเป็นข่าว เมื่อช่วงเช้าวันที่ 10 ก.ค. หลังจากนั้นไม่มีใครติดต่อได้อีกเลย
อ่านข่าว : “พระเทพพัชราภรณ์” ยื่นหนังสือขอลาออกจาก เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ
“พระปาราชิก” แต่ “ลาสิกขา” ก่อน จะกลับมา “บวชใหม่” ได้หรือไม่
"มหาเถรฯ" จ่อเรียกตัวมาพบ "พระ" ที่ ตร.มีหลักฐานโยงสีกา ทั้งโอนเงิน-แชตไลน์