ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ปปป.-ป.ป.ท.บุกตรวจสอบ “วัดใหญ่จอมปราสาท” หลังเจ้าอาวาสหายตัว

สังคม
10:21
354
ปปป.-ป.ป.ท.บุกตรวจสอบ “วัดใหญ่จอมปราสาท” หลังเจ้าอาวาสหายตัว
อ่านให้ฟัง
05:01อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ตำรวจ ปปป.ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. ลงพื้นที่ วัดใหญ่จอมปราสาท ตรวจสอบรายละเอียดเส้นทางการเงินเจ้าอาวาส พบรายได้หลักมาจากค่าเช่าท่าจอดเรือน้ำมัน เดือนละเกือบแสน เร่งตรวจสอบสอบบัญชีวัดและบัญชีเจ้าอาวาส หากพบความผิดเตรียมแจ้งดำเนินคดี

วันที่ 13 ก.ค.2568 เวลา 13.00 น. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.อ.จำนาญ จันทร์เทศ ผกก.5 บก.ปปป. พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท.รักษาราชการแทน รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. น.ส.อรณิช สุขบาล ผู้อำนวยการกองปราบปรามการทุจริตในภาค รัฐ 2

พร้อมด้วย นายคนึง ทองเที่ยง ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองสมุทรสาคร กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ลงพื้นที่ภายในวัดใหญ่จอมประสาท หมู่ 5 ต.ท่าจีน อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เพื่อตรวจสอบและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม จากพระครูสาครสุตกิจ เจ้าคณะตำบลท่าฉลอม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร รวมทั้งพระลูกวัด และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน

กรณี พระมหาทิวากร ดีไพร เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท หายตัวไปออกจากวัด หลังจากมีข้อมูลของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า มีการโอนเงินให้กับสีกากอล์ฟ มากกว่า 1 ล้านบาท

โดยการลงพื้นที่ในวันนี้ ยังไม่มีการตรวจค้นภายในกุฎิเจ้าอาวาสแต่อย่างใด เนื่องจากยังมีการล็อคประตูกุฏิไว้ตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.2568 เจ้าหน้าที่ทำได้เพียงสอบถามข้อมูลรายละเอียดเส้นทางการเงินจากพระลูกวัด กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้เกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. ได้หลักฐานสมุดบัญชีธนาคารของทางวัด และสมุดบัญชีธนาคารของเจ้าอาวาส เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้จะมีการตรวจสอบรายละเอียดในสมุดบัญชี ว่ามีความผิดปกติหรือไม่

พ.ต.อ.จำนาญ จันทร์เทศ ผกก.5 บก.ปปป. เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินมีข้อบ่งชี้ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของการโอนเงิน ซึ่งเจ้าอาวาสเป็นผู้ถือบัญชีเพียงคนเดียว สำหรับรายได้หลักของวัดที่มาจากการให้เช่าพื้นที่จอดเรือ เบื้องต้นทราบข้อมูลว่า รายได้ทั้งหมดแบ่งเป็นเงินสดและเงินโอนเข้าบัญชีของเจ้าอาวาส รวมแล้วเดือนละประมาณ 7-8 หมื่นบาท แต่ทั้งนี้ต้องขอดูรายละเอียดอีกครั้ง

ด้าน น.ส.อรณิช สุขบาล ผู้อำนวยการกองปราบปรามการทุจริตในภาค รัฐ 2 เปิดเผยว่า รายได้ของวัด นอกเหนือจากการให้เช่าที่จอดเรือ ส่วนหนึ่งก็มาจากเงินทอดกฐิน และการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ภายในวัด ซึ่งหลังจากนี้ต้องมีการตรวจสอบเชิงลึกว่า รายได้ของวัดมีเข้ามาทางไหนบ้าง เพราะบางส่วนอาจจะเข้ามาในรูปแบบของเงินสด

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลการจ่ายเงินให้วัด จากทางบริษัทซึ่งนำเรือมาจอด ซึ่งเป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือ หลังจากนี้ต้องมีการขอข้อมูลเป็นเอกสาร เพื่อมาเปรียบเทียบกับเส้นทางการเงินของทางวัดอีกครั้ง

ทั้งนี้หากพบว่า เงินค่าเช่าจอดเรือ ซึ่งเป็นรายได้ของทางวัด ถูกโอนไปยังบัญชีส่วนตัวเจ้าอาวาส ถือว่ามีความผิดเนื่องจากเจ้าอาวาสนั้น โดยตำแหน่งแล้วถือเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ หากเบียดบังทรัพย์สินของทางวัดจะกลายเป็นความผิดทางอาญา ซึ่งต้องมีการร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับตัวเจ้าอาวาส เดินทางออกจากวัดไป หลังจากมีพระหลายรูปลาสิกขาและตกเป็นข่าว เมื่อช่วงเช้าวันที่ 10 ก.ค. หลังจากนั้นไม่มีใครติดต่อได้อีกเลย

อ่านข่าว : “พระเทพพัชราภรณ์” ยื่นหนังสือขอลาออกจาก เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ

“พระปาราชิก” แต่ “ลาสิกขา” ก่อน จะกลับมา “บวชใหม่” ได้หรือไม่

"มหาเถรฯ" จ่อเรียกตัวมาพบ "พระ" ที่ ตร.มีหลักฐานโยงสีกา ทั้งโอนเงิน-แชตไลน์