สะเทือนวงการสงฆ์ไทยกว่าทุกครั้ง กรณี “สีกากอล์ฟ” มีความสัมพันธ์กับพระสงฆ์ถึง 9 รูป ซึ่งไม่เคยมีปรากฏมาก่อน และ 5 ใน 9 รูป เป็นระดับพระราชาคณะชั้นเทพ จนต้องทยอยสึกตามกัน ล่าสุด เจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดประยุรฯ หลังเจอภาพหลุด-แชตลับ ว่อนโลกโซเชียล
นำไปสู่การขยับตัวครั้งใหญ่ ทั้งฝ่ายการเมือง นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ที่ดูแล พ.ศ. หรือสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นอกจากจะสะสางเรื่องฉาวพระกับสีกาแล้ว ยังประกาศผลักดันกฎหมาย ให้มีโทษทางอาญาถึงขั้นติดคุก กรณีมีเสพเมถุนระหว่างพระกับสีกา
พร้อมคุ้มเข้มแยกบัญชีเงินของวัด และบัญชีพระเปิดเผยต่อสาธารณชน เข้มเรื่องสร้างวัตถุมงคลหารายได้ และยังขีดเส้นขันน็อต ประเมินผลงานใน 3 เดือน สำหรับ พศจ. หรือสำนักพุทธฯ ประจำจังหวัด หากละเลยเกิดเรื่องฉาวถึงขั้นปาราชิก ต้องลงโทษข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
ไม่ต่างจากนายตำรวจน้ำดีจากสอบสวนกลาง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว หรือ “บิ๊กเต่า” รอง ผบช.ก. ที่รับผิดชอบคดี สีกากอล์ฟ แบบเกาะติดและขยายผลแกะรอยจากโทรทัศน์มือถือ จนพบความเชื่อมโยง ที่ส่งผลสั่นสะเทือนทั้งวงการดงขมิ้น
“บิ๊กเต่า” พูดชัดแบบไม่อ้อมค้อมว่า ตำรวจทำงานกับ พศ.ไม่ราบรื่น ล่าช้า อาจมีเจ้าหน้าที่คอยปกปิดช่วยเหลือ พระที่ถูกกล่าวหาจากการให้ข้อมูลของตำรวจ จนขาดการพิจารณาอย่างจริงจัง จนต้องมีการรื้อคดีที่ถูก พศ.ปัดตก มาดูใหม่
ยิ่งกรณีสีกากอล์ฟ ทาง พศ. พยายามแย้งว่า หลักฐานเรื่องผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดประยุร ฯ ยังไม่เพียงพอต่อการลาสิกขา เพราะเป็นเพียงอาบัติสังฆาทิเสส แต่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่า ข้อมูลของตำรวจแตกต่างจาก พศ. เพราะมีหลักฐานบ่งชี้ว่า อดีตพระสงฆ์รูปดังกล่าว ทำผิดวินัยสงฆ์อย่างชัดเจนถึงขั้นปาราชิก
และสุดท้าย อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดดังกล่าวก็ยอมสึก หลังจากพยายามยื้อ อ้างจะขอพิสูจน์ตนเอง
ข้อบกพร่องผิดพลาดเหล่านี้ พุ่งเป้าคำถามกลับไปยังสำนักพุทธฯ หรือ พศ. เพราะเป็นหน่วยงานที่เป็นความหวังของผู้คนในวงการพุทธศาสนา แต่ช่วงหลัง ๆ กลับหย่อนยาน ไร้ผลงาน นับตั้งแต่คดีเงินทอนวัดที่เคยโด่งดังในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา โดยมีคดีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ไม่ต่ำกว่า 120 คดี และมีผู้ร่วมในขบวนการ ตั้งแต่ระดับ ผอ.สำนักพุทธฯ เจ้าหน้าที่รัฐ ไปจนถึงพระสงฆ์ ระดับเจ้าอาวาสและพระชื่อดังหลายรูป
อย่างไรก็ดี ในความเป็นจริง สำนักพุทธฯ ไม่กล้าหรือแม้แต่จะมีบทบาทได้มากอย่างที่คนคาดหวัง เนื่องจากในทางปฏิบัติ เป็นได้เพียงทำหน้าที่เลขาฯให้กับมหาเถรสมาคม หรือ มส. ซึ่งเป็นองค์กรสูงสุดในการปกครองคณะสงฆ์ไทยตามพระราชบัญญัติสงฆ์ พ.ศ.2505 ทำหน้าที่คล้ายกับคณะรัฐมนตรี มีสมเด็จพระสังฆราช หรือผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานกรรมการโดยตำแหน่ง
จึงอาจเป็นข้อจำกัดของ พศ.ที่เป็นเพียงฆราวาส ดังนั้น ความคาดหวังถึงขั้นจัดระเบียบหรือจัดการกับพระสงฆ์จึงเป็นเรื่องยาก ขณะที่ทางสงฆ์ก็มีโครงสร้างและสายงาน มีระดับชั้นยศหรือสมณศักดิ์ของพระ แบ่งเป็นหลายชั้น แทบไม่ต่างจากระบบงานราชการ
แม้จะมีข้อบัญญัติเรื่องไวยาวัจกร คือบุคคลที่ได้รับแต่งตั้งจากเจ้าอาวาสของวัด ให้ทำหน้าที่ดูแลรักษาและจัดการทรัพย์สินของวัด แต่ในทางปฏิบัติ มักเป็นญาติโยมหรือผู้เกี่ยวข้องกับเจ้าอาวาสเสียเป็นส่วนใหญ่
ขณะที่เรื่องมีสีกาไปเกี่ยวข้อง ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ปัจจัยสำคัญมาจากเรื่องทรัพย์สินเงินทองในวัด ไม่ใช่การเสน่หาที่ตัวบุคคลหรือพระ ประกอบกับเป็นเรื่องยินยอมของทั้ง 2 ฝ่าย แม้อาจมีเป้าหมายต่างกัน สุดท้ายจึงมีความสัมพันธ์ถึงขั้นมีเสพเมถุน โดยชาวบ้านอาจรู้ระแคะระคาย แต่ไม่กล้าทำอะไร หรือทำอะไรไม่ได้
การขยับทั้งฝ่ายการเมือง ตำรวจ และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เข้าไปมีบทบาทในการจัดการกับ “อลัชชี” ในสถานการณ์วิกฤติศาสนาอย่างรุนแรงขณะนี้ เชื่อว่าไม่มีใครไม่เห็นด้วย และย่อมคาดหวังไว้สูง แต่ในทางปฏิบัติ อาจไม่ใช่เรื่องง่าย ตราบใดที่ทั้งคนทั้งพระ ยังลด ละ เลิกกิเลสตัณหา และผลประโยชน์ไม่ได้
หนำซ้ำ ส่งผลถึงตลาดพระและเครื่องรางของขลัง เนื่องจากมีพระหลายรูปที่อยู่ในลิสต์สัมพันธ์ลึกซึ้งกับสีกากอล์ฟ เคยไปร่วมปลุกเสกด้วย ที่เคยนิยมและราคาดีในตลาด ตอนนี้ร่วงจนติดฟลอร์
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : เจ้าคณะภาค 14 ตั้ง คกก.สอบ "พระมหาทิวากร" โยงสีกากอล์ฟ